เพื่อไทยลั่นเปิดทาง 'ผู้ประกอบการรุ่นใหม่' เติมทุนเพิ่มโอกาส

เพื่อไทยลั่นเปิดทาง 'ผู้ประกอบการรุ่นใหม่' เติมทุนเพิ่มโอกาส

พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีถกนโยบายคนรุ่นใหม่ ลั่นเปิดทางผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่มีไอเดียเติมทุนเพิ่มโอกาส

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ แกนนำพรรค แถลงนโยบายการศึกษาและเศรษฐกิจของคนรุ่นใหม่ พร้อมเกิดวงสนทนากับนิสิตนักศึกษาและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ย่านสาทร

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เมื่อก่อนพรรคไทยรักไทย ริเริ่ม SME และ TCDC เข้ามาในประเทศไทย แต่ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี เศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกจึงไปได้ไม่ดี วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงมองว่าคนรุ่นใหม่มีพลังที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คนรุ่นใหม่ขายของเกษตรกรผลิตให้ และเทคโนโลยีที่เข้ามาจะช่วยสร้างอาชีพให้คนรุ่นใหม่ได้ แต่รัฐต้องสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ พรรคมีนโยบายเปิด ‘ศูนย์สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่’ เพราะที่ผ่านมา แม้คนรุ่นใหม่จะมีไอเดีย มีเทคโนโลยี แต่ไปไม่ได้ เพราะติดข้อกฎหมายและการให้โอกาส แต่ศูนย์นี้จะทำหน้าที่ 4 ด้าน

1_146

คือ 1.ให้องค์ความรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมหาวิทยาลัยดังทั่วโลกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนั้นๆ โดยค่าใช้จ่ายรัฐบาลจะออกเงินให้ก่อน 2.ช่วยเหลือเรื่องทุนด้วยดอกเบี้ยต่ำ หรือจับคู่คนรุ่นใหม่กับนายทุนที่ต้องการร่วมธุรกิจ 3.ประสานงานของอนุญาตใบประกอบการ 4.มีแพลทฟอร์มเพื่อหาตลาด และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงต้นจะต้องผ่อนจ่ายหลังก่อตั้งธุรกิจมาแล้ว 2-3 ปี โดยช่วง 2-3 ปีแรกจะพักหนี้ให้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นโยบายนี้คือสิทธิพิเศษนอก EEC เพราะที่ผ่านมาธุรกิจขนาดใหญ่ใน EEC สร้างกู้เงินทุนและทำธุรกิจได้ แต่คนตัวเล็กทำไม่ได้ ทั้งนี้กลุ่ม Creative Agritech หรือธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรจะได้รับการช่วยเหลือมากกว่ากลุ่มอื่น นโยบายที่ 2 คือ ‘กองทุนคนเปลี่ยนงาน’ แจกคูปองให้กับคนที่อยากเปลี่ยนงานหรือไม่มีงาน เข้าเรียนหรืออบรมหลักสูตรตามมหาวิทยาลัยหรือแหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อให้คนตกงานมีความรู้เพียงพอที่จะเปลี่ยนงาน, นโยบายที่ 3 คือ ‘บัตรทอง Start Up’ สนับสนุนด้านภาษี อำนวยความสะดวกพิธีการศุลกากร และสิทธิพิเศษกับ EEC, นโยบายที่ 4 คือ ‘E-commerce’ ยกเว้นภาษี 2 ปีให้คนรุ่นใหม่ตั้งตัวได้ และค่อยเพิ่มการเก็บภาษีขึ้นเป็นขั้นบันได้หลังมีรายได้ เพื่อให้ E-commerce ไทยแข็งแรง

ผู้ประกอบการที่เข้ามาฟังแสดงความคิดเห็นว่าตนทำธุรกิจสตาร์ท-อัพ จดทะเบียนในประเทศจีนและอีกหลายประเทศใช้เวลา 3 เดือน แต่จดทะเบียนในประเทศไทยใช้เวลา 5 ปียังไม่ผ่าน ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์แสดงความเห็นว่านโยบายต่างๆ ที่พรรคเสนอจัดตั้งศูนย์จะบริหารโดยเอกชนไม่ใช่ภาครัฐเพราะมีความล่าช้าและไม่มีประสบการณ์ โดยจะปรับเข้ามาเป็นนโยบายของพรรคต่อไป ขณะเดียวกันหลายคนแสดงความคิดเห็นถึงครูและการสอนที่ไม่เปิดโอกาสให้เด็กคิด และยัดเยียดข้อมูลให้เดฌ็กมากจนเกินไป นอกจากนี้ระบบการสอบเข้ามาหวิทยาลัยเป็นระบบที่ไม่นิ่ง และไม่สร้างความสุขในการเรียนรู้ให้เด็ก ซึ่งพรรคมองว่าควรปรับเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาในเด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียน (Student Center) ไม่ใช่ Product Center