CHAYO - ซื้อ

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

• รายงานกำไรสุทธิปี 61 ที่ 85 ลบ.เป็นไปตามคาด โดยเติบโตถึง 47%YoY: รายงานกำไรสุทธิปี 61 ที่ 85 ลบ. เป็นไปตามที่เราคาด โดยเติบโต 47%YoY ตามรายได้รวมที่เติบโตราว 24%YoY โดยหลักมาจากรายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เติบโต 31%YoY สู่ 213 ลบ. มีสัดส่วนราว 83% ของรายได้รวม โดยบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงได้ที่ 64% โดยในปี 61 บริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขาย (NPA) จำนวน 6.7 ลบ. ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 28% ในปี 60 สู่ 33%
• คงประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ที่ 108 ลบ.เติบโต 26%YoY ตามมูลค่ากองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้น: คงประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ที่ 108 ลบ.เติบโต 26%YoY โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่าราว 10,000 ลบ.ที่ประมูลมาในช่วงปี 61 และเติบโตจากบริษัทย่อยที่ก่อตั้งใหม่ในปี 61 ได้แก่ บริษัทชโยแคปปิตอล ซึ่งจะดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อและบริษัท ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งจะดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำหรับปี 62 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ราว 1,300 ลบ. เพื่อใช้ในการประมูลกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพราว 1,000-1,250 ล้านบาท คาดจะได้เป็นกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่าราว 10,000 ลบ.โดยแบ่งเป็นชนิดมีหลักประกันราว 70% และไม่มีหลักประกันราว 30% และใช้เป็นเงินทุนในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อีกราว 200-250 ล้านบาท คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 2H62 โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากการออกหุ้นกู้กว่า 1,250 ล้านบาทและจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงราว 56 ล้านหุ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่กำหนดราคาเสนอขาย(Control Dilution -9.1%) 
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 80 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมโดยอิง Prospect PER ที่ 28 เท่าซึ่งสูงกว่าคู่แข่งที่ระดับ 23 เท่าเนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นกว่า โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 62 ราว 0.17 บาทได้ราคาเหมาะสม 4.80 บาท ซึ่งมีอัพไซต์ราว 25% จากราคาปัจจุบัน จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

1. ธุรกิจให้สินเชื่อสามารถสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องมากกว่าธุรกิจ Call Center

2. บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพชนิดมีหลักประกันได้มากกว่าที่คาด

ความเสี่ยง

1. มีการเก็บหนี้ได้น้อยกว่าที่คาด

2. ไม่สามารถขายหลักประกันได้ตามที่คาดไว้