คปภ. เคาะแนวทางยกเครื่องประกันสุขภาพ

คปภ. เคาะแนวทางยกเครื่องประกันสุขภาพ

คปภ. ตั้งทีมปรับปรุงสัญญาประกันสุขภาพรับแผนปฏิรูปสาธารณสุขปท. ยกเครื่อง3มิติ สัญญาประกันสุขภาพ3-5ปี ปรับเบี้ยให้สอดคล้องและจัดทำข้อมูล กางแผนระยะสั้นสั่งบริษัทประกันจัดทำแบบฟอร์มมาตรฐานให้บริษัทประกันชีวิตนำส่งข้อมูล

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะทำงานพัฒนาและปรับปรุงสัญญาประกันภัยสุขภาพ ได้มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2562 และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562เพื่อร่วมกันวางกรอบแนวทาง การปรับปรุงสัญญาประกันภัยสุขภาพ โดยกำหนดเป็น 3 มิติ คือ มิติแรก การปรับปรุงสัญญาสุขภาพมาตรฐานให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีเงื่อนไขในสัญญา และแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องรายการความคุ้มครองให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชนิดหรือประเภทของการรักษาพยาบาล ยา และเวชภัณฑ์ การบริการทางการแพทย์ฯ และเป็นไปตามมติ ครม. ที่กำหนดให้ยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุม

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดความโปร่งใสในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ทำให้ประชาชนมีข้อมูลเปรียบเทียบ และสามารถเลือกให้บริการที่เหมาะสมตามความต้องการของตนเองได้

มิติที่สอง การกำกับอัตราเบี้ยประกันภัยสุขภาพให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสัญญาสุขภาพมาตรฐานที่มีการปรับปรุง โดยปกติอัตราเบี้ยประกันภัยสุขภาพที่นายทะเบียนให้ความเห็นชอบเป็นช่วงระยะเวลา 3 ถึง 5 ปี

ดังนั้น อัตราเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะถูกปรับให้สอดคล้องกับต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเปลี่ยนไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้กำหนดให้ ยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าและบริการที่ต้องควบคุม ทั้งนี้หากต้นทุนค่ารักษาพยาบาลได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง นายทะเบียนมีอำนาจตามกฎหมายที่สามารถสั่งให้บริษัทประกันภัยปรับเปลี่ยนอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความเหมาะสมได้ทันที

และในมิติที่สาม การปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูล สถิติ สำหรับปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยสุขภาพให้มีความชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถนำมาใช้วิเคราะห์อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) และต้นทุนในแต่ละความคุ้มครองได้ โดยเก็บข้อมูลแบบแยกประเภทความคุ้มครองที่ชัดเจน สำหรับในส่วนของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวในระบบฐานข้อมูลกลางด้านการประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) อยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีการดึงเอาข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเป็นสถิติต่อไป

ขณะที่ในส่วนของภาคธุรกิจประกันชีวิตที่ประชุมได้กำหนดแผนระยะสั้นไว้คือการจัดทำแบบฟอร์มมาตรฐานให้บริษัทประกันชีวิตนำส่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการจัดทำสถิติ และจะมีการขยายผลไปเป็นระบบ IBS ในระยะยาวต่อไป  

“การเพิ่มรายการยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าและบริการควบคุมรายการใหม่นั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทรกแซงค่ายาหรือค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด แต่จะควบคุมมิให้การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลมีความซ้ำซ้อน และเกิดความชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะทำให้ประชาชนและผู้เอาประกันภัยได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์มากขึ้น โดยการดำเนินการตามมาตรการนี้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพมาตรฐานควบคู่ไปด้วยเพื่อให้สอดคล้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพมาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัยได้ร่วมกันจัดทำขึ้นตั้งแต่ปี2549 ซึ่งใช้มาเป็นระยะเวลานานกว่า10 ปีแล้ว จึงต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี วิธีการรักษาทางการแพทย์ และวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงไป”