รอซื้อ 1,620-1,625

รอซื้อ 1,620-1,625

SET Index วานนี้ปรับตัวลงหลัง MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน

ขณะที่ตลาดหุ้นภายในประเทศถูกกดดันจากความกังวลว่า Fund flow จะไหลออก หลังจากเงินบาทอ่อนค่าลง นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงยังส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,635.30 จุด (-6.14 จุด) Volume 4.5 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,648.30 ลบ. TFEX Net -6,388 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ 6 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ น้ำมัน WTI ปิดบวก 79 เซนต์ รับความหวังสหรัฐ-จีนทำข้อตกลงการค้า,โอเปกลดผลิต

+FETCO ระบุดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าพุ่งในเกณฑ์"ร้อนแรง" นลท.คาดหวังเชิงบวกจากการเลือกตั้ง

+ฝรั่งเศส สนใจลงทุนใน EEC พร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทุกมิติ นายกฯขอเชื่อมั่นเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย

+ รมว.คลัง เผยยังไม่ได้รับเรื่อง “ภาษีกำไรขายหุ้น”(Capital Gains Tax) ยอมรับต้องศึกษารอบคอบ โยนเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ ด้านสรรพากรแจง สภาพัฒน์ชงมาหลายรอบแล้ว ย้ำไม่ใช่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้แน่นอน(ที่มาข่าวหุ้น)   

-ดาวโจนส์ปิดร่วง 206.67 จุด เหตุตลาดผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐ,หุ้นกลุ่มสุขภาพดิ่งหนัก

-สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างร่วงลง 0.6% ในเดือนธ.ค. สวนทางคาดการณ์เพิ่มขึ้น

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 115 ล้านบาท ค่าเงินบาท 31.88 บาท/US

คาดดัชนี SET วันนี้อ่อนตัวตามเพื่อนบ้านหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลง อีกทั้งเงินทุนเริ่มไหลออก และเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนี คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • FTSE Large Cap : HMPRO GULF EA MINT MAKRO BEM DIF
  • FTSE Mid Cap : MTC GPSC

         * HMPRO MTC มีผลตอบแทน YTD น้อยกว่าดัชนี

  • หุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง : VGI PLANB MACO CPALL MAKRO BJC TKS
  • ขยายเวลา Visa On Arrival : AOT  CENTEL ERW
  • High Dividend : KAMART SIRI SNC ORI DIF BTSGIF SC MC AIT QH KKP TKS

 

หุ้นแนะนำพิเศษ

WHA (ราคาปิด 4.12 Bloomberg Consensus 4.85) WHAUP (ราคาปิด 5.90 Bloomberg Consensus 7.89)ผู้บริหารวางเป้าปี 62 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรโต 70% จาก 4 กลุ่มธุรกิจ

1) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,600 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 1,400 ไร่ เวียดนาม 200 ไร่ เดือนเม.ย.มีแผนเปิดนิคมฯแห่งใหม่ที่จ.ชลบุรีพื้นที่ 2,000ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีน 1 รายจองซื้อที่ดิน 285 ไร่  ล่าสุดบนัษัทมีนิคมฯทั้งหมด 11 แห่ง อยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 9 แห่ง

2) ธุรกิจโลจิสติกส์ เตรียมขยายเพิ่มอีก 2.50 แสนตรม. รวมเป็น 2.5 ตรม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ลบ. รายได้กลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูงจากการรับรู้รายได้ค่าเช่าคลังสินค้าและโรงงานจากกลุ่มอาลีบาบา พื้นที่ประมาณ 130,000 ตรม. ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในเดือนก.ย. และจะดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าเฟส 2 อีก 70,000 ตรม. หากลูกค้าสนใจซื้อคลังสินค้าทั้งหมดจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากการขายคลังสินค้าภายในปี 2562

3) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน ตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายน้ำ 120 ล้านลูกบากส์เมตร เล็งผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 570 เมกะวัตต์จาก 521 เมกะวัตต์ในปีก่อน มีแผนเข้าร่วมลงทุนธุรกิจน้ำประปาในประเทศเวียดนาม

4) ธุรกิจดิจิตอลแพลตฟอร์ม ปีนี้อยู่ระหว่างปรับทุกนิคมอุตสาหกรรมในเครือให้เป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เตรียมเปิดให้บริการไฟเบอร์ออพติกในนิคมฯของกรุ๊ป  บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ประมาณ 7,000 ลบ. เพื่อลดต้นทุนทางการเงินให้เหลือ 3.5% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.88%

ความเห็น  WHA/WHAUP เป็นหุ้นแนะนำใน theme EEC เนื่องจากมีนิคมฯส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ EEC ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากผลการดำเนินงานปีนี้มีโอกาสพลิกเติบโต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 ของ WHA เฉลี่ย 3,876.90 ลบ. พลิกเติบโต 33% จากหดตัว 11% ในปี 61 และคาดกำไรปี 62 ของ WHAUP เฉลี่ย 2,256 ลบ. ใกล้เคียงกับปี 61 ที่มีกำไร 2,252 ลบ. +13%

หุ้นมีข่าว   

·         SSP Analyst Meeting (ราคาปิด 7.60 "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 11.60) รายงานกำไรสุทธิปี 61 ที่ 482 ลบ. +42%YoY แต่ต่ำกว่าที่เราคาดราว 10% ขณะที่รายได้เติบโต 26%YoY สู่ 1,096 ลบ. จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ที่ COD ในปี 61 ได้แก่ 1)โครงการฮิดากะ(1Q61, 21 MW) 2)โครงการโซเอ็น(3Q61,  8 MW) และ3)โครงการโซลาร์รูฟท๊อป 3 โครงการได้แก่ SNNP1 SNNP2 (1Q61, รวม 1.4 MW) DoHome (3Q61, 3 MW) และโครงการโซลาร อผศ.(4Q61, 5 MW) อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง 80% ในปี 60 สู่ 70% เนื่องจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นและโซลาร์รูฟท๊อป(รับรายได้แบบ FIT) มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ลพบุรี (รับรายได้แบบ Adder) ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายเผื่อการด้อยค่าในสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ัยังไม่เกิดขึ้น 13.2 ลบ.(ความไม่แน่นอนจากโครงการลีโอ เฟส2) แต่หากพิจารณาจากกำไรหลักจากการดำเนินงานบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ราว 6%YoY สู่ 499 ลบ. โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ที่ราว 730 ลบ. +51%YoY โดยคาดจะเติบโตจากรายได้โรงไฟฟ้าที่ COD รวม 68.4 MW ในปี 61 จะรับรู้รายได้เต็มปี อีกทั้งในปี 62 โรงไฟฟ้าที่มองโกเลียและที่เวียดนามกำลังการผลิตรวม 66 MW จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 157 MW

·         + BEC (ราคาปิด 6.45 Bloomberg Consensus 6.30) แต่งตั้งนายอริยะ พนมยงค์ เป็นกรรมการบริษัท แทนนายวรวรรธน์ มาลีนนท์ และแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้อำนวยการ (President) รายงานตรงต่อคณะกรรมการบริหาร โดยให้มีผลตั้งวันที่ 2 พ.ค. 2562 เป็นต้นไป  และมีมติปรับผังโครงสร้างองค์กรใหม่  หวังกู้วิกฤตช่อง 3 ที่ประสบปัญหาผลการดำเนินงานขาดทุนโดยปี 61 มีรายได้รวม 10,375 ล้านบาท ขาดทุน 330 ล้านบาท นับเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา

·         + WPH เปิดให้บริการรพ.อ่าวนางแล้ว หนุนเพิ่มรายได้ 150 ลบ./ปี ลุ้นคุ้มทุนภายในปี 63

·         + AOT คาดรายได้งวดปี 61/62 (สิ้นสุด ก.ย.) โตกว่า 10% จากผู้โดยสารเพิ่ม 6-7% , ปี 63 เข้าบริหาร 4 สนามบินใหม่

·         + CRD ได้งานก่อสร้างโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มูลค่า 129.35 ลบ.

·         CP ส่งหนังสือแจ้งเลื่อนเจรจางานไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ผู้ว่า ร.ฟ.ท. เผยแจงเหตุผลมา 6 หน้ากระดาษ พร้อมขอนัดใหม่วันที่ 13 มี.ค.นี้(ที่มาข่าวหุ้น)

·         "JKN" สบช่องย้ายเข้า SET เพิ่มเสน่ห์นักลงทุนสถาบัน-ต่างชาติ หวังอัพสัดส่วนรายได้นอกบ้าน 50% ภายใน 3-5 ปี พร้อมศึกษาจดทะเบียนในสิงคโปร์ ตั้งบริษัทย่อยในต่างแดน หวังปูทางเป็นจุดศูนย์กลางซื้อขายคอนเทนต์ (ที่มา : ทันหุ้น)