‘เกาหลีใต้’ช้ำหนักซัมมิต"ทรัมป์-คิม"ล่ม

‘เกาหลีใต้’ช้ำหนักซัมมิต"ทรัมป์-คิม"ล่ม

หลังทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าทรัมป์-คิม ซัมมิตจบลงดื้อๆ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงทันที แถมวันศุกร์ก็ยังเป็นวันหยุด นักลงทุนต้องรอแก้มือในวันจันทร์ (4 มี.ค.)

การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่กรุงฮานอยของเวียดนามปิดฉากลงดื้อๆโดยไม่มีข้อตกลง ไม่สมราคากับที่ทั้งโลกคาดหวังไว้ ว่าอาจถึงขั้นประกาศยุติสงครามเกาหลีกันก็ได้แต่งานนี้คนที่พ่ายแพ้มากที่สุดในสายตานักวิเคราะห์กลับกลายเป็นเกาหลีใต้และประธานาธิบดีมุน แจ อิน

ทรัมป์และคิมมีกำหนดพบกัน 2 วัน แต่กำหนดการวันสุดท้ายถูกหั่นสั้นลง หลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้เรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์และการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ

“เกาหลีใต้เสียหายหนักสุดจากการที่ฮานอยซัมมิตจบลงแบบไม่มีดีล”อลิสัน อีแวนส์รองหัวหน้าแผนกเอเชียแปซิฟิก จากบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงไอเอชเอส มาร์กิต ระบุ

สำหรับรัฐบาลโซลแล้ว เหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.พ.) บั่นทอนความหวังการเริ่มโครงการร่วมสองชาติเกาหลี ที่ชะงักงันเพราะเกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตร อีแวนส์เชื่อว่าหลังจากนี้คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีมุนต้องลดลงแน่นอน

“เห็นได้ชัดว่าเรตติ้งของมุนลดลงต่อเนื่อง เมื่อไม่มีความคืบหน้าเรื่องเกาหลีเหนือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะดูนโยบายภายในแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อชี้ว่ามุนทำงานได้สำเร็จหรือไม่ ตอนนี้รัฐบาลของเขาก็โดนวิจารณ์ไปแล้วว่าล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ อัตราว่างงานสูง”

นับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อปี 2560 มุนทุ่มเทปรับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเพื่อเพิ่มเสียงสนับสนุนทางการเมือง

ปี 2561 มุนพบกับคิม 3 ครั้ง การพบกันเมื่อเดือน เม.ย. ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ผู้นำสองชาติเกาหลีได้พบกันแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้มุนยังมีบทบาทสำคัญในการพบกันระหว่างทรัมป์กับคิม ทั้งที่สิงคโปร์และเวียดนาม

วานนี้ (1 มี.ค.) มุนต้องออกแถลงการณ์ที่พยายามมองการเจรจาที่ล้มเหลวไปในทางบวก

“ผมเชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงในระดับสูงขึ้นไป ตอนนี้บทบาทของเราจึงสำคัญมากขึ้น รัฐบาลของผมจะสื่อสารและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐและเกาหลีเหนือ เพื่อช่วยให้การเจรจาของทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”

ฝ่ายนักวิจารณ์เล่นงานประธานาธิบดีโสมขาวทันทีว่าให้ความสำคัญกับเพื่อนบ้านรายนี้เพื่อเบี่ยงเบนปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ยิ่งการเจรจาทรัมป์-คิม ซัมมิตล่มลง เสียงวิจารณ์มุนก็จะยิ่งดังขึ้น

“ประธานาธิบดีมุน แจ อิน จะถูกฝ่ายอนุรักษนิยมในเกาหลีใต้วิจารณ์หนักขึ้น คนกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยมานานแล้วว่ามุนอ่อนข้อให้คิมมากไป โลกสวยเกินไปที่เชื่อว่าคิมเต็มใจปลดอาวุธนิวเคลียร์ ข่าวที่น่าผิดหวังเรื่องซัมมิตยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ นักลงทุน และผู้บริโภคในเกาหลีใต้ให้เลวร้ายลงไปอีก”นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษายูเรเชียกรุ๊ปตั้งข้อสังเกต

ที่เกาหลีเหนือ วานนี้สำนักข่าวทางการ “เคซีเอ็นเอ” แถลงถึง ทรัมป์-คิม ซัมมิตว่า ผู้นำทั้งสองเห็นชอบให้เดินหน้าเจรจาอย่างสร้างสรรค์กันต่อไป เพื่อหารือเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ

“ท่านประธานคิมและประธานาธิบดีทรัมป์ต่างเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐจะพัฒนาไปถึงขั้นใหม่ ถ้าทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันด้วยความอดทนและเฉียบแหลม แม้ว่าจะเจออุปสรรคที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้รออยู่ข้างหน้า”ถ้อยแถลงจากเคซีเอ็นเอไม่ได้กล่าวถึงซัมมิตที่จบลงแบบไร้ข้อตกลง

ก่อนหน้ารายงานข่าวจากเคซีเอ็นเอไม่กี่ชั่วโมง เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก เมื่อรี ยอง โฮรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือจัดแถลงข่าวกลางดึก ปฏิเสธข้ออ้างของทรัมป์ที่ว่ารัฐบาลเปียงยางขอให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด แต่ชี้แจงว่าเกาหลีเหนือเสนอรื้อโรงงานนิวเคลียร์ยองบอนแลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตรบางส่วน ขณะที่ทรัมป์กล่าวตอนแถลงข่าวที่กรุงฮานอยก่อนหน้านั้นว่า เปียงยางขอให้ยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด