'อภิสิทธิ์' ชี้พรบ.ข้าวคุยหลังเลือกตั้ง ไม่เอากัญชาเพื่อบันเทิง

'อภิสิทธิ์' ชี้พรบ.ข้าวคุยหลังเลือกตั้ง ไม่เอากัญชาเพื่อบันเทิง

"หัวหน้า ปชป." ชี้พรบ.ข้าวคุยหลังเลือกตั้ง ไม่เอาด้วยกัญชาเพื่อบันเทิง หวังชาวกรุงเทคะแนนเลือกคนปชป.ชนะทั้ง30เขต

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่5 ดินแดง-ห้วยขวาง พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน โดยนัดรวมตัวกันที่หมู่บ้านวัฒนานิเวศน์ เขตห้วยขวาง หลังจากนั้นขึ้นรถแห่ผ่านตลาดพุ่มอุไรเลี้ยวซ้าย ผ่านถนนสุทธิสารวินิจฉัยเข้าหมู่บ้านรัชดานิเวศน์ ผ่านตลาดประชาราษฎร์บำเพ็ญ 24 มุ่งหน้าสำนักงานเขตห้วยขวาง ถึงสามแยกเลี้ยวขวาตรงไปตามเส้นทางถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญถึงสี่แยกห้วยขวาง มุ่งหน้าสตลาดห้วยขวางเข้าสู่เขตดินแดง ทักทายพี่น้องประชาชนที่ตลาดห้วยขวาง และเคลื่อนขบวนไปตามถนนประชาสงเคราะห์ ถึงตลาดเช้าดินแดง ผ่านแยกแม่พระฟาติมาวิ่งผ่านแฟลตดินแดง พบปะพูดคุยกับชาวแฟลตดินแดง ขบวนมาสิ้นสุดที่ซอยมารวย 3 ในเวลา08.40 น. โดยระหว่างทางมีบรรดาพี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์มอบดอกไม้และขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่งผู้สมัคร ส.ส.ในกรุงเทพมหานคร กี่คน เพราะยังเร็วเกินไป ยังเหลือเวลาหาเสียงอีกระยะหนึ่ง แต่ประเมินจากลงพื้นที่ประชาชนให้การตอบรับดี ก็คาดหวังอยากได้ทั้ง30เขต กทม.

ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือถึง กกต. ขอความชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ขึ้นเวทีดีเบต นั้นเป็นอำนาจกกต. ให้กกต.เป็นคนชี้ ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เรื่องการดีเบตหรือไม่ดีเบตตนไม่ได้มองเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ เพียงแต่เสียดายกระบวนการประชาธิปไตยที่จะจำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์ วิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนที่จะประกอบการตัดสินใจ ที่ผ่านมาเรามักจะมีปัญหาแบบนี้ คราวที่แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯก็ไม่มาร่วมวงอย่างนี้ ก็จะเป็นปัญหาแบบนี้ถ้าไม่ร่วมกันสร้างค่านิยมและมาตรฐานที่ดีทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าพลเอกประยุทธ์ จะกลัวการดีเบตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ไม่ทราบ เเต่คิดว่าท่านคงไม่ได้กลัว อยากจะให้พลเอกประยุทธ์ มองถึงเรื่องการสร้างมาตรฐานทางการเมือง มากกว่าสิ่งอื่นใด

สำหรับประเด็น พ.ร.บ.ข้าว ที่จะเข้าที่ประชุม สนช. ในวันนี้ ส่วนตัวอยากให้ว่ากันหลังการเลือกตั้งมากกว่า เพราะเรื่องนี้ข้อทักท้วงค่อนข้างเยอะทั้งเรื่องการเสียประโยชน์หลายๆเรื่องของเกษตรกร ทั้งความไม่ชัดเจนเรื่องพันธุ์ข้าวอาจจะเกิดปัญหาการผูกขาดในอนาคต ส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบรซึ่งก็หนีไม่พ้นเกษตรกรรายย่อย ตนไม่รู้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่ออกกฎหมายนี้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลหรือ สนช. ก็ต้องตระหนักและฟังเสียงทักท้วงด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเรื่องนี้ผ่านวาระ 3 เเละกลายเป็นกฎหมาย จะกลายเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ในส่วนของประชาธิปัตย์ ก็คงต้องเข้าไปแก้ไขกฎหมายนี้ เพราะคิดว่าควรจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ซึ่งก็จะสร้างปัญหาโดยใช่เหตุ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าความจำเป็นเร่งด่วนในการออกกฎหมายนี้คืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาคัดค้าน พรบ.ข้าวด้วย นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ในตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีพรรคการเมืองไหนให้การสนับสนุน เพราะฉะนั้นรัฐบาลหรือ สนช.ก็ควรที่จะตระหนัก เเละรับฟังเสียงทักท้วงของทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นเรื่องเเปลกหรือไม่ ที่พรรคพลังประชารัฐออกมาคัดค้าน เพราะ พรบ.ข้าว เกิดจากรัฐบาลชุดนี้ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า จะเป็นเรื่องความสับสนหรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะการเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ และการตอบรับก็พูดว่าต้องการจะสานต่อ งานของรัฐบาล เพราะฉะนั้นจึงแยกกันยาก ระหว่างนโยบายเเละการบริหารของรัฐบาล กับพรรคพลังประชารัฐ

แต่ที่รู้สึกแปลกมากก็คือเรื่องนโยบายข้าวของพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่ว่าจะพยายามเขียนหรือใช้ถ้อยคำอย่างไร แต่หลักการก็ไม่แตกต่างจากโครงการจำนำข้าว แม้แต่พรรคเพื่อไทยเองก็ยังบอกว่าเรียนรู้เเล้ว จากปัญหาของโครงการในอดีต เพราะฉะนั้นจึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงมีการเสนอเเบบนี้อีก

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ขออย่าให้พรรคอื่นเเสดงวาทกรรมที่โจมตี เเต่ว่านายสนธิรัตน์ กลับพูดว่า “กูจะสู้กับมึง” ซึ่งเป็นถ้อยคำเเละวาทกรรมทางการเมือง ที่พูดกับพรรคต่างๆ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ปล่อยให้ 2 ขั้วการเมืองเขาขึ้นคำแบบนั้นไป ซึ่งประชาธิปัตย์จะไม่ทำ วันนี้การปลุกเร้าอารมณ์ พยายามบังคับให้ประชาชนเลือกข้าง และการแสดงถ้อยคำที่รุนแรง ไม่ใช่แนวทางของเรา ส่วนขั้วของเรา คือการเดินหน้าพื้นฐานประชาธิปไตย แบบเสรีนิยม ซึ่งยอมรับในความแตกต่างและความหลากหลาย ไม่สร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กกต.กำหนดงบประมาณหาเสียง เขตละ1.5ล้าน เเละพรรคละ35ล้านบาท นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ทุกพรรคก็ต้องปฏิบัติตามกติกานั้น เพื่อความเท่าเทียม ในเมื่อระเบียบออกมาแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรอีก ซึ่ง35ล้าน ก็ยอมรับว่ายากลำบาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีผู้สมัครบัญชีรายชื่อถึง 150 คน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่วันนี้ หัวหน้า คสช.จะมีการคัดเลือก สว. 194 คน นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ก็เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่อยากจะได้ยิน มากที่สุด คืออยากจะให้หัวหน้าคสช.หรือหัวหน้ารัฐบาลบอกกับผู้ที่ถูกคัดเลือก ว่าเขาควรจะมีอิสระ ในการปฏิบัติหน้าที่ และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน

ส่วนกรณีที่ ปปช.จะชะลอการตรวจสอบพรรคการเมืองต่างๆไปหลังเลือกตั้ง ตรงนี้ถ้าเป็นเรื่องที่มีการดำเนินการกันมาก็ควรจะเดินหน้าไปตามปกติ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาบอกว่ายกเว้นเพราะเหตุผลเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ต้องการให้มีการไปกลั่นเเกล้งใคร เเต่ก็ไม่ควรมีการละเว้นเหมือนกัน

ส่วนในเรื่องบางพรรคการเมือง ซึ่งใช้นโยบายกัญชา เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง ในส่วนของประชาธิปัตย์ ยอมรับและสนับสนุนในการใช้เพื่อทางการแพทย์ และไม่สนับสนุน แนวทางใดๆที่จะทำให้เกิดการผูกขาด เพราะฉะนั้นมันจะเป็นโอกาสของประชาชนทั่วไป ที่สนใจ สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จะใช้พืชตัวนี้เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะใช้เป็นการทั่วไปหรือใช้เพื่อความบันเทิง นันทนาการ เพราะจะควบคุมยาก เพราะสิ่งมอมเมาในขณะนี้ก็เยอะอยู่แล้ว แต่ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่จะเสนอนโยบาย ซึ่งก็เป็นแนวทางที่แตกต่างกันไป แต่เราคิดว่าการไปไกลกว่าการใช้ทางการแพทย์ จะต้องศึกษาให้ดี ว่าผลกระทบต่อสังคมมันจะเป็นอย่างไร