'บิ๊กโจ๊ก' ขึ้นเหนือ ลุยยึดยัดทรัพย์เงินกู้นอกระบบ972ล้าน

'บิ๊กโจ๊ก' ขึ้นเหนือ ลุยยึดยัดทรัพย์เงินกู้นอกระบบ972ล้าน

ผบช.สตม. ขึ้นเหนือแถลงผลปฏิบัติการ ขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองน่าอยู่ ครั้งที่ 30 เข้าตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศ 11 จังหวัด ยึดทรัพย์รวมมูลค่า 972.9 ล้านบาท เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือยึดอายัดทรัพย์ทั้งสิ้น 841 ล้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จัดแถลงข่าวผลการดำเนินการตามปฏิบัติการ “ขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองน่าอยู่ ครั้งที่ 30” ตรวจค้น 11 จังหวัด จำนวน 55 เครือข่าย 82 จุด โดยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดินทางมาแถลงข่าว โดยมีพล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, พ.อ.อโณทัย ชัยมงคล รอง ผบ.มทบ.33, นายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ร่วมแถลงข่าว โดยมีตัวแทนจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบจำนวน 40 คน เข้ามอบดอกไม้แสดงความขอบคุณในการช่วยให้ได้รับที่ดินคืนจากการนำไปกู้นอกระบบ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า จากการทำงานร่วมกันวานนี้ (22 ก.พ.)มีการเข้าปิดล้อมจับพร้อมรวม 11 จังหวัด มีจุดเข้าตรวจค้นทั้งสิ้น 82 จุด โดยทำการยึด, อายัด 22 จุด ตรวจค้นพยานหลักฐาน 60 จุด จำนวนกลุ่มนายทุนทั้งสิ้น 55 เครือข่าย และจับกุมตามหายจับ 14 หมายจับ โดยตรวจยึดโฉนดที่ดิน จำนวน 197 ฉบับ เนื้อที่ 220ไร่ มูลค่า 218 ล้านบาท พร้อมทั้งยึด/อายัดทรัพย์สินมูลค่า 754.9 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 972.9 ล้านบาท

สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือมีธุรกิจลิสซิ่งหลายแห่งที่ทำโดยไม่ได้ขออนุญาตจากกระทรวงการคลังหรือบางแห่งขออนุญาตแต่กระทำผิดเงื่อนไข ขณะนี้รัฐบาลได้เน้นดูแลความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเงินกู้นอกระบบ และเชื่อว่าในภาคเหนือยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่รับทราบ เนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นกับเจ้าหน้าที่รัฐ ในพื้นที่ภาคเหนือเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จึงอยากให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนออกมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่จังหวัดแพร่ พื้นที่รวมประมาณ 400 ไร่ ที่ถูกทางสรรพากรยึดอายัดที่ดินไว้ เนื่องจากบริษัทเชนลิสซิ่ง ได้รับจำนองที่ดินของชาวบ้านที่จำนองไว้ตั้งแต่ปี 44 แต่ไม่ได้เสียภาษีตามกำหนดทางสรรพากรจึงได้ทำการยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านไว้ ขณะที่บริษัทเชนลิสซิ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการยึดทรัพย์ของสรรพากร เนื่องจากที่ดินทั้งหมดเป็นของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุมเจ้าของบริษัท พร้อมทั้งยึดทรัพย์ เพื่อเข้าสู่การดำเนินการต่อไป รวมถึงบังคับใช้กฎหมายเพื่อคืนที่ดินให้กับชาวบ้าน จึงอยากฝากถึงประชาชนทั่วไป ให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากมีปัญหาเรื่องการกู้นอกระบบ ต้องแจ้งให้ทราบทันที

ขณะนี้บริษัทลิสซิ่งในเขตภาคเหนือมีหลายบริษัทที่นำที่ดินของชาวบ้านไปแอบซ่อนไว้ มีการดำเนินการเอารัด เอาเปรียบชาวบ้าน หากประชาชนไม่ออกมาแจ้งเจ้าหน้าที่ จะไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายให้ได้ สำหรับในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ ในจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ได้เข้าตรวจค้นนายทุนทั้งสิ้น 54เครือข่าย จำนวน 79 จุด ตรวจยึดโฉนดที่ดิน 197 ฉบับ เนื้องที่ 220 ไร่ มูลค่า 218 ล้านบาท ยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่า 621.9 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 841 ล้านบาท ซึ่งที่ดินของชาวบ้านที่ยึดได้จะนำคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด

วันนี้รัฐบาลปัจจุบันได้เข้าใจปัญหานี้ จึงได้มอบหมายให้ชุดทำงานทั้งหมดนำกำลังทุกส่วนบูรณาการช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อนำที่ดินกลับคืนมา อย่างไรก็ตามในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้มีผู้เสียหายเพียง 10 รายเท่านั้นที่ออกมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงเชื่อว่าน่าจะยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้นอกระบบอีกเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ สำหรับบริษัทลิสซิ่งที่ดำเนินการแบบผิดกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง มีการแอบซ่อนโฉนดที่ดินของชาวบ้านไว้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ยึดอายัดทรัพย์ เหมือนที่ทำอยู่ขณะนี้ สำหรับการดำเนินการปราบปรามหนี้นอกระบบใช้เวลา 8 เดือน คืนที่ดินให้กับชาวบ้านไป1.9 หมื่นราย รวมที่ดินประมาณ 20,000 ไร่ มูลค่าประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้จะดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของหนี้นอกระบบ และแชร์ลูกโซ่ เป็น 2 เรื่องหลักที่จะต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ