BH - ซื้อเก็งกำไร

BH - ซื้อเก็งกำไร

ผลประกอบการไตรมาส4/61 ตามคาด; แนวโน้มไตรมาส1/62 แข็งแกร่ง

เป็นไปตามที่เราคาด (แต่สูงกว่าตลาด)

BH รายงานกำไรหลักอยู่ที่ 967 ล้านบาทสำหรับไตรมาส4/61 เพิ่มขึ้น 4%YoY แต่ลดลง 15% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาด (แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด26% เนื่องจากรายได้ที่สูงกว่าคาด) BH ประกาศจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นรอบสุดท้ายที่ 1.80 บาท สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2561 (เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด) คิดเป็นอัตราเงินปันผลเบื้องต้นที่ 1.0% (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 มี.ค. และจ่ายเงินวันที่ 8 พ.ค.)

ประเด็นหลักผลประกอบการ

กำไรที่เติบโต (ระดับปานกลาง) YoY มาจากอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจการแพทย์ที่ขยายตัว แต่กำไรที่ปรับตัวลดลง QoQ นั้นเป็นไปตามฤดูกาลรายได้ธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ (แบ่งเป็นผู้ป่วยต่างชาติ 66.5% และผู้ป่วยไทย 33.5%) รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโต 8.3% YoY กลบผลกระทบจากรายได้ผู้ป่วยไทยที่ปรับตัวลดลง 5.4% YoY อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 43.4% เพิ่มขึ้นจาก 41.3% ในไตรมาส4/60 แต่ลดลงจาก 46.7% ในไตรมาส 3/61 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 19.2% เพิ่มขึ้นจาก 18.4% ในไตรมาส4/60 และ 18.3% ในไตรมาส3/61 BH ยังคงรักษาระดับเงินสดสุทธิทั้งเงินสดและสินทรัพย์ใกล้เคียงเงินสดไว้อยู่ที่ 9 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2561

แนวโน้ม

เราคาดว่า BH จะทำกำไรหลักไตรมาส1/62 ดีที่สุดเป็นอันดับสองของปีนี้เพิ่มขึ้น 3-5% YoY (แม้ว่าฐานสูงในไตรมาส1/61 ที่ 1.09 พันล้านบาท) และ 15-20% QoQ (ตามฤดูกาล) โดยปกติอุปสงค์ธุรกิจการแพทย์ในเดือนม.ค.-มี.ค. จะขยายตัว QoQ และสูงที่สุดเป็นอันดับสองของปี (ปกติไตรมาสที่ดีที่สุดคือเดือนก.ค.-ก.ย.) เราคาดรายได้ธุรกิจการแพทย์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เป็นตัวเลขหลักเดียวในไตรมาส1/62 ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรหลักของบริษัทขยายตัว

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราประมาณการกำไรหลักเติบโตที่ 6% สำหรับปี 2562 ซึ่งได้แรงหนุนจากรายได้ธุรกิจการแพทย์ที่ขยายตัว 5% เนื่องจากกลยุทธ์เน้นการรักษาโรคซับซ้อนและการปรับขึ้นค่ารักษารายปีในเดือนม.ค. เราคาดอัตรากำไรหลักจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2562 เนื่องจากการควบคุมต้นทุน, ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น และสัดส่วนเคสที่มีอัตรากำไรสูงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราไม่คิดว่าจะมีการเข้าซื้อกิจการใหม่ แม้ว่างบการเงินที่แข็งแกร่งของ BH (สถานะเงินสดสุทธิ) “Beta project” ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ บริษัทมั่นคงเคหะการ จากัด (มหาชน) คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส1/63 (เรายังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการ)

คำแนะนำ

นักลงทุนสามารถเชื่อในกำไรที่เติบโตและอัตรากำไรที่แข็งแกร่งของ BH ได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา forward PER (1 ปี) อยู่ในช่วง 30-33 เท่า สอดคล้องกับกำไรที่เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันหุ้นถูกซื้อขายกันอยู่ในระดับต่ำที่สุดที่ PER ปี 2562 ที่ 30.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธุรกิจการแพทย์โลกเล็กน้อยที่ 31.1 เท่า) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ด้วยราคาเป้าหมาย 208 บาท (ต่ำกว่ามูลค่าด้วยวิธีคิดละกระแสเงินสด DCF,อ้างอิงจากคำ WACC ที่ 7.5% และ terminal growth rate ที่ 2.0%)