วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ก.พ.62)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ก.พ.62)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับขึ้น หลังทรัมป์เลื่อนเส้นตายเจรจาการค้ากับจีน

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังดำเนินการไปได้ด้วยดี และจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงกับจีน โดยแผนการเดิมได้กำหนดว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็น 25 หากทั้งสองฝ่ายไม่บรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 มี.ค. 62  

+ กลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรเปิดเผยตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ม.ค. 62 อยู่ที่ร้อยละ 83 เมื่อเทียบกับข้อตกลงที่ทำร่วมกันในการประชุมโอเปคครั้งที่ผ่านมาในการปรับลดกำลังผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียเชื่อมั่นว่าตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะสมดุลในเดือน เม.ย. 62 จากอุปทานที่ปรับตัวลดลง หลังสหรัฐฯ มีมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา

- อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 60 

- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 84,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน มี.ค. 62 ไปแตะระดับสูงสุดที่ 8.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังญี่ปุ่นส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 739.3 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันดีเซลที่ลดลงจากประเทศอินเดีย

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

       ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 52-58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

       ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ติดตามผลการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค หลังประกาศร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในเดือนต.ค. 61 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบโลก โดยในเดือนก.พ. 62 ผู้ผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงกำลังการผลิตมากขึ้น
  • จับตาการเจรจาเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่สหรัฐฯ จะมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราวร้อยละ 25 ในเดือนมี.ค. 62 โดยล่าสุดในการประชุมเจรจาการค้าวันที่ 14-15 ก.พ. ที่ผ่านมา ระหว่างนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง ส่งสัญญานเชิงบวก
  • สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เผยว่าตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 62 แม้ว่ากลุ่มโอเปคจะปรับลดกำลังการผลิต และสหรัฐฯ จะประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน และเวเนซุเอลา เนื่องจาก IEA คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปคจะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการผลิตจากสหรัฐฯ ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันโลกคาดว่าจะเติบโตที่ราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

-----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999