JASIF - ซื้อ

JASIF - ซื้อ

กำไรหลักเป็นไปตามคาด; ขายสินทรัพย์เฟสสองเลื่อนไปเป็นครึ่งปีหลัง

กำไรหลักตามคาด

JASIF รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 ที่ 1.27 พันล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหน่วยที่ 0.23 บาท ลดลง 1.5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 19.9% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษซึ่งได้แก่ ขาดทุนจากการตีมูลค่าสายไฟเบอร์ออฟติก 9.8 แสนคอร์กม. ซึ่งไม่ใช่รายการเงินสดและยังไม่ได้รับรู้จริงจานวน 100 ล้านบาท กำไรหลักหรือเงินสดที่เหลือสำหรับการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.37 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% YoY และ 0.8% QoQ กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราคาด 9% เนื่องจากรายการพิเศษขาดทุนจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่รายการเงินสดข้างต้น (ซึ่งไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของเราก่อนหน้า) แต่กำไรหลักที่ออกมาถือว่าเป็นไปตามที่คาด JASIF ยังไม่ได้ประกาศเงินปันผลต่อหน่วย แต่เราคาดว่ามีแนวโน้มอยู่ที่ 0.22 บาทต่อหน่วยสำหรับไตรมาส 4/61 ซึ่งอิงกับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 90%จากกำไรหลักรายการพิเศษขาดทุนจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 4/61 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 10.71 บาทต่อหน่วย ณ สิ้นปี 2561

ประเด็นหลักผลประกอบการ

รายได้ค่าเช่าในไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 1.45 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% YoY (เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งอิงกับดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2560 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.66%) และทรงตัว QoQ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.1% YoY (เนื่องจากค่าสิทธิในการพาดสายซึ่งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 55.6% YoY) แต่ลดลง 7.4% QoQ จากค่าใช้จ่ายในการดูแลและซ่อมบำรุง (ลดลง 3.7% QoQ) และค่าสิทธิในการพาดสาย(ลดลง 26.3% QoQ) ค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 6.2%YoY และ 2.9% QoQ

แนวโน้ม

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/62 ที่ 1.37 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยถูกกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าบริหารจัดการกองทุนที่เพิ่มขึ้น และเนื่องจากไม่มีการโอนสายไฟเบอร์ออฟติกเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา อัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าจึงมาจากอัตราค่าเช่าที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งอิงกับดัชนีราคาผู้บริโภคของปีก่อนหน้า และเนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% สำหรับในปี 2561 เราจึงใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของค่าเช่าเฉลี่ยที่ 1% ในปี 2562 และประมาณการรายได้ค่าเช่าที่ 1.47 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 1/62 เพิ่มขึ้น 1% YoY และ QoQ เราคาดเงินปันผลต่อหน่วยที่ 0.22-0.23 บาทสำหรับไตรมาส 1/62 การขายสายไฟเบอร์ออฟติกเฟสสองอีกจานวน 9.8 แสนคอร์กม. เข้า JASIF ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2561 มีแนวโน้มเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2562 แทน (เลื่อนจากช่วงครึ่งแรกของปี 2562)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ลงอีก 0.5% (มาอยู่ที่ 5.48 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการรายได้ค่าเช่าปี 2562 ลงจากเดิม เนื่องจากสมมติฐานดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2562 ที่ปรับลดลง (จาก1.5% เหลือ 1% ซึ่งอิงกับการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคในปี 2561) ประมาณการกำไรหลักในปี 2562 ที่เติบโต 0.5% ส่งผลให้เราคาดเงินปันผลต่อหน่วยที่ 0.89 บาทในปี 2562 ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2561

คำแนะนำ

ประเด็นหลักของการลงทุนอยู่ที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่สูงถึง 8.6% ในปี 2562 ซึ่งยังคงน่าสนใจถ้าเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดซึ่งอยู่ที่ 3% อัพไซด์จะมาจากการปรับประมาณการกำไรต่อหน่วยและเงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากการขายสายไฟเบอร์ออฟติกอีกจานวนไม่เกิน 9.8 แสนคอร์กม.เข้า JASIF ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562