ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 18-22 ก.พ. 62 และสรุปสถานการณ์ฯ 11-15 ก.พ. 62

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 18-22 ก.พ. 62 และสรุปสถานการณ์ฯ 11-15 ก.พ. 62

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ท่ามกลางการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 51-56 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (18 - 22 ก.พ. 62)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 ประกอบกับ การเจรจาเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลง และหากการเจรจาสำเร็จจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศนอกกลุ่มโอเปค โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะสั้นนี้ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศปรับตัวลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ติดตามผลการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค หลังประกาศร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตลงราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในเดือนต.ค. 61 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบโลก โดยในเดือนก.พ. 62 ผู้ผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงกำลังการผลิตมากขึ้นเช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในกลุ่มโอเปค วางแผนผลิตน้ำมันดิบราว 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมี.ค. 62 ซึ่งเป็นการปรับลดมากกว่าที่ตกลงไว้ และคาดว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบเหลือ 6.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ รัสเซียเร่งลดกำลังการผลิตในช่วงต้นเดือนก.พ. นี้ โดยในช่วง 12 วันแรกของเดือนก.พ. รัสเซียผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 11.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าระดับอ้างอิงราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน
  • จับตาการเจรจาเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยสหรัฐฯ จะมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราวร้อยละ 25 ในเดือนมี.ค. 62 โดยล่าสุดในการประชุมเจรจาการค้าวันที่ 14-15 ก.พ. ที่ผ่านมา ระหว่างนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง ส่งสัญญานเชิงบวก นอกจากนื้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเผยอีกว่าอาจมีขยายเวลาการเจรจาเกี่ยวกับสงครามการค้าออกจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค. 62
  • สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เผยว่าตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 62 แม้ว่ากลุ่มโอเปคจะปรับลดกำลังการผลิต และสหรัฐฯ จะประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน และเวเนซุเอลา เนื่องจาก IEA คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปคจะปรับเพิ่มขึ้นราว 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยการผลิตจากสหรัฐฯ ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันโลกคาดว่าจะเติบโตที่ราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ในช่วงการปิดซ่อมบำรุง ทำให้ต้องปรับลดอัตราการกลั่นลง โดยล่าสุดสำนักสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ก.พ. 62 ปรับเพิ่มขึ้นราว 6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้ EIA ยังรายงานอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับลดลงราวร้อยละ 4.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 85.9
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/62 ยูโรโซน ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้ผลิตจีน และดัชนีราคาผู้บริโภคจีน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 - 15 ก.พ. 62)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 55.59 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 2.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 66.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลง ขณะที่ลิเบียยังเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบซึ่งทำให้จำเป็นต้องหยุดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อย่างแหล่งผลิต El Sharara กำลังการผลิตราว 300,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการเจรจาสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งหากการเจรจาทำให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศยุติลงจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมันโลก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 60 ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

 

---------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999