BBL ดีขึ้นทั้งสินเชื่อและ NIM

BBL ดีขึ้นทั้งสินเชื่อและ NIM

จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส [email protected]

BBL

เราคาดว่า BBL จะเป็นธนาคารที่มีกำไรเติบโตดีที่สุดในปีนี้ในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปีก่อน ขณะที่ยังรักษาต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำได้จากสัดส่วนของฐานเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ BBL ยังน่าจะเป็นธนาคารขนาดใหญ่ธนาคารเดียวที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น FSS คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2019 ที่ 3.84 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อน และคาดว่าน่าจะประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีหลังปีก่อน 5.50 บาท (Yield 2.6%) FSS คงราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 245 บาท อิง PBV 1.05 เท่า

แนวโน้มปี 2019 ดีขึ้นทั้งสินเชื่อและ NIM

เป้าหมายทางการเงินปี 2019 ที่ BBL เสนอนั้นอิงจากการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยที่ 3.8% เติบโตชะลอจากปี 2018 ที่อยู่ที่ 4.3% จากการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ รวมถึงสภาพคล่องในตลาดโลกที่ลดลง (Qualitative Tightening) อย่างไรก็ตาม เป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ตั้งไว้ในระดับ 4-6% ก็ถือว่าเป็นทิศทางที่เป็นบวก เพราะสูงกว่าการขยายตัวของสินเชื่อในปี 2018 ที่ 4% โดยธนาคารจะมุ่งเน้นการเติบโตในสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ซึ่งมีเป้าหมายการเติบโต 6-7% และคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM: Net Interest Margin) มีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยจากการปรับขึ้นของ Loan yield และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง ทั้งนี้ ธนาคารมีกลยุทธ์ระยะยาวใน 3 ด้าน คือ การขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV การขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัด และการพัฒนาระบบดิจิทัล (มีงบประมาณพัฒนาระบบ 4-6 พันล้านบาทต่อปี ใกล้เคียงกับปี 2018 ที่ 5 พันล้านบาท)

 

 

คาดกำไรปี 2019 โตดีสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่

เป้าหมายทางการเงินถือว่าเป็นบวกกว่าที่เราเคยคาด โดยเฉพาะ NIM ซึ่งมีเป้าหมายว่าน่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 2.33%  เราปรับคาดการณ์ NIM ขึ้นเป็น 2.38-2.40% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.34% เนื่องจาก Loan yield ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นมาตั้งแต่ 2Q18 และถ้ายิ่งเกิดวงจรการลงทุน เราเชื่อว่า Loan yield จะค่อยๆปรับขึ้นไปจนใกล้เคียงปี 2012 - 2013 คือปรับขึ้นอีกราว 0.5% ขณะที่ด้านต้นทุนทางการเงิน (Cost of fund) เชื่อว่าจะบริหารจัดการให้อยู่ในระดับต่ำได้ด้วยประโยชน์ของฐานเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (CASA) ขนาดใหญ่ราว 52% ซึ่งเป็นเงินฝากดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ เราคาดการณ์การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ 5% โดยเชื่อว่าจะมีการรุกธุรกิจ Bancassurance มากขึ้น รวมถึงค่าธรรมเนียมที่คาดว่าจะดีขึ้นจากธุรกิจการจัดการกองทุนและ Wealth Management ขณะที่ผลกระทบจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนส่งผลต่อ BBL ไม่มาก ซึ่งทำให้ BBL น่าจะเป็นธนาคารขนาดใหญ่ธนาคารเดียวที่น่าจะเห็นรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ (Net fee income) มีการปรับขึ้น เราจึงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2019 เติบโต 8.7% เป็น 3.84 หมื่นล้านบาท เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีกำไรเติบโตสูงที่สุดในปีนี้

FSS ประเมินราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 245 บาท

FSS คงราคาเหมาะสมปี 245 บาท โดยอิง PBV 1.05 เท่า และคาดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 2H18 ที่ 5.50 บาท คิดเป็น Yield 2.6% เราคาดว่า BBL จะเป็นหนึ่งในผู้รับประโยชน์สูงสุดจากการขยายตัวของสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทั้อีกงยังมีประเด็นบวกจากการปรับโครงสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมที่โฟกัสที่ธุรกิจ Bancassurance มากขึ้น และคุณภาพหนี้ที่แข็งแรง จึงคงคำแนะนำซื้อ