CHEWA - ซื้อ

CHEWA - ซื้อ

เพิ่มพอร์ตแนวราบเพิ่มมาร์จิ้น หนุนคาดการณ์กำไรปี 62 โต 20%

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไรปี 61 เท่ากับ 264.8 ลบ. +3%YoY (เป็นไปตามคาด) : งวดปี 61 บริษัทมีรายได้และกำไร เท่ากับ 2,676.3 ลบ. +31%YoY และ 264.8 ลบ. +70.3%YoY ตามลำดับ มีปัจจัยหนุนจาก 3 โครงการหลัก คือ 1) โครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27 2) ชีวาทัยเรสซิเดนท์ อโศก และ 3) โครงการชีวาทัยเรสซิเดนท์ บางโพ โดยเฉพาะโครงการชีวาทัยเพชรเกษม 27 ที่เริ่มรับรู้รายได้เมื่อ 2Q61 โดยทั้งปีสามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้ถึง 1,023.9 ลบ. จากมูลค่าโครงการรวม 1,564 ลบ. นอกจากนี้ %GPM ยังปรับตัวดีขึ้นจากปี 60 +148 basis point มาที่ระดับ 29.9% พร้อมกับ %SG&A ที่ปรับตัวลงเหลือ 16.6% จากปี 60 อยู่ที่ระดับ 17.67% จากการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9.9% จากปี 60 อยู่ที่ระดับ 7.6% ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.035 บาท คิดเป็น Yield 3.04% XD 10 เม.ย.62 วันจ่าย 29 เม.ย.62
  • คงประมาณการรายได้และกำไรปี 62 ตามเดิม : เราประมาณการรายได้ปี 62 ราว 2,930 ลบ. +10.6%YoY และ 317 ลบ. +6%YoY ตามลำดับ โดยใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิที่ราว 31% และ 10.8% ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นจากปี 61 +140 basis point และ +80 basis point ตามลำดับ จากทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการที่ผู้บริหารเน้นกลยุทธ์เพิ่มพอร์ตฯแนวราบ เร่งอัตรากำไรสุทธิแตะ 10% จากโครงการแนวราบซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นราว 32-35% สูงกว่าโครงการคอนโดที่มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 29-32% พร้อมตั้งเป้ารายได้ราว 2,880 ลบ. เติบโต 20% แบ่งเป็นโครงการ Condo ราว 58% และ Housing 42% (จากโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปี 19 และจากโครงการเดิมที่สร้างเสร็จแล้ว) บริษัทมี Backlog สำหรับปี 62 ราว 585 ลบ. พร้อมกับมีแผนเปิดตัว 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นลบ. แบ่งเป็น คอนโด 3 โครงการ บ้านเดี่ยว 5 โครงการ และโครงการ JV  1 โครงการ นอกจากนี้ ผู้บริหารยังมีแผนทำดีล M&A สำหรับโครงการคอนโด 1 โครงการ แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุป
  • คาดปัจจัยกดดันเรื่อง LTV ไม่มากนัก : มาตรการ LTV ที่จะเริ่มบังคับใช้ 1 เม.ย. ผู้บริหารชี้แจงว่าบริษัทได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากผู้บริโภคต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ได้ซื้อเก็งกำไร ส่วนเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานที่มีอายุงานเกินกว่า 20 ปีขึ้นไป เราคาดว่าบริษัทฯจะไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจาก บริษัทฯเริ่มก่อตั้งเมื่อ 13 มีนาคม 2551 หรือมีอายุเพียงแค่ราว 11 ปี จึงไม่เข้าข่ายเกณฑ์ในการบังคับใช้ นอกจากนี้ ในปี 62 นี้ บริษัทมีแผนการใช้เงินลงทุนในการซื้อที่ดิน และพัฒนาโครงการรวมทั้งหมดราว 4,800 ลบ. ซึ่งแหล่งเงินทุน แบ่งเป็น Project Financing 3,000 ลบ. และ 2.ออกหุ้นกู้ และเงินสดจากการดำเนินงาน รวม 1,800 ลบ. ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท และอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) กลับมาอยู่ที่ระดับราว 2 เท่า หลังจากที่ 9M61 D/E Ratio อยู่ที่ระดับ 1.65 เท่า อย่างไรก็ดี ผู้บริหารกล่าวว่า บริษัทฯยังไม่จำเป็นต้องทำการเพิ่มทุน
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 1.42 บาท : เราคงประมาณราคาเหมาะสมราว 1.42 บาทต่อหุ้น ด้วย Prospective PER ที่ 5.7x (ณ ระดับ PER เฉลี่ย) และคาดกำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.25 บาทต่อหุ้น มี Upside จากราคาปัจจุบัน 23% ประกอบกับ Current PER ค่อนข้างถูก ที่ 4x จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

i) ภาวะการแข่งขันสูงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 
ii) ความล่าช้าในการก่อสร้าง
iii) อัตราการปฏิเสธสูงขึ้นทำให้ยอดโอนต่ำกว่าคาด