กฟผ. เซ็นซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ 8.3 หมื่นตัน

กฟผ. เซ็นซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ 8.3 หมื่นตัน

กฟผ. เซ็นซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ 8.3 หมื่นตัน กับผู้จำหน่าย 22 ราย ป้อนโรงไฟฟ้า หวังช่วยยกระดับราคาผลปาล์มให้สูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัมได้อย่างต่อเนื่อง

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 22 ราย ในปริมาณรวม 83,000 ตัน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศของรัฐบาล และช่วยยกระดับราคาผลปาล์มให้สูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัมได้อย่างต่อเนื่อง

รมว.พลังงาน กล่าวว่า กฟผ.สามารถดำเนินการตามที่รัฐบาลมีมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ โดยให้กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 นั้น เป็นไปตามแผนด้วยดี

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. วันนี้มีผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 22 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 76,000 ตัน และเมื่อรวมกับปริมาณที่รับซื้อเพื่อทดสอบการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า จำนวน 7,000 ตัน จะเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่มีการลงนามสัญญาแล้วทั้งสิ้น 83,000 ตัน ซึ่งผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบทั้ง 22 ราย เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากกรมการค้าภายในว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศกำหนด คือ ต้องมีสต็อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย และเป็นผู้มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ.

โดยผู้ที่มีสิทธิเสนอจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ได้เสนอราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งแต่กิโลกรัมละ 3.10 - 3.25 บาท ซึ่งสามารถช่วยพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันให้สูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม ตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ขยายเวลารับสมัครผู้ประสงค์จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขให้เป็นผู้มีที่สต็อกน้ำมันปาล์มดิบไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มดิบครบตามเป้าหมาย 160,000 ตัน ซึ่งการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าจะไม่กระทบกับค่าไฟฟ้าของประชาชนแต่อย่างใด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะไม่นำไปคิดรวมกับค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที)