ออสเตรเลียเปิดศูนย์กักกันนอกฝั่งหลังแพ้โหวต

ออสเตรเลียเปิดศูนย์กักกันนอกฝั่งหลังแพ้โหวต

ออสเตรเลียสั่งเปิดศูนย์กักกันนอกชายฝั่งบนเกาะคริสต์มาสอีกครั้งทั้งที่เพิ่งปิดไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังจากแพ้การลงมติร่างกฎหมายในสภาเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงในวันนี้ (13 ก.พ.) ว่า รัฐบาลได้กลับมาเปิดดำเนินการของศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้อพยพบนเกาะคริสต์มาส ซึ่งเป็นดินแดนของออสเตรเลีย ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 2,300 กม. อีกครั้ง โดยมุ่งเน้นมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นกรณีพิเศษให้แก่ผู้อพยพที่เป็นเด็กและผู้ที่มีอาการป่วย หลังสั่งปิดไปเมื่อเดือนต.ค. ปีที่แล้ว

นายมอร์ริสันกล่าวหาฝ่ายค้านว่า พยายามทำให้พรมแดนประเทศอ่อนแอและเสี่ยงอันตราย โดยอ้างว่ากฎหมายที่เพิ่งผ่านสภาจะทำให้จำนวนผู้พยายามลอบเข้าออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้น และว่า เขากำลังนำข้อเสนอแนะของหน่วยงานความมั่นคงมาใช้อย่างเต็มตัวเพื่อเข้มงวดมาตรการยับยั้งผู้อพยพและผู้ขอลี้ภัยทางทะเล แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียด

นโยบายเข้มงวดการเข้าเมืองด้วยการส่งผู้อพยพและผู้ขอลี้ภัยไปยังศูนย์กักกันโพ้นทะเลเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนที่พรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นรัฐบาลและพรรคเนชันแนลซึ่งเป็นฝ่ายค้านหลักกำลังหาเสียงกันอย่างดุเดือดก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะต้องมีขึ้นภายในเดือนพ.ค.นี้

การประกาศกลับมาเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้อพยพเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังรัฐบาลผสมเสียงข้างน้อยภายใต้การนำโดยพรรคเสรีนิยมของของนายมอร์ริสันพ่ายแพ้การลงมติในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคาร (12 ก.พ.) ซึ่งพรรคแรงงานร่วมกับกลุ่มสมาชิกอิสระมีมติรวมกัน 75 เสียง เฉือนฝ่ายรัฐบาลซึ่งมี 74 เสียง ผ่านร่างกฎหมายแก้ไขกฎหมายฉบับปัจจุบัน อนุญาตให้ผู้อพยพและผู้ขอลี้ภัยในศูนย์กักกันโพ้นทะเลที่สาธารณรัฐนาอูรูและเกาะมานุสของปาปัวนิวกินีสามารถเดินทางมารับการรักษาตัวในออสเตรเลียได้

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของออสเตรเลียที่รัฐบาลเป็นฝ่ายปราชัยในการลงมติของสภาล่างนับตั้งแต่ปี 2472

ผู้สันทัดกรณีมองว่า จะสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างหนักให้กับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งมีคะแนนนิยมตามหลักพันธมิตรฝ่ายค้านที่มีพรรคแรงงานเป็นแกนนำ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงกลางเดือนพ.ค. นี้ สำหรับวุฒิสมาชิก 40 จาก 76 ที่นั่ง และการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีนี้ที่จะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ทั้ง 151 ที่นั่ง