'เรืองไกร' ร้องกกต.สอบพปชร.เสนอชื่อ 'ประยุทธ์' ขัดข้อบังคับพรรค

'เรืองไกร' ร้องกกต.สอบพปชร.เสนอชื่อ 'ประยุทธ์' ขัดข้อบังคับพรรค

"เรืองไกร" ร้อง กกต.สอบ พปชร.สะดุดขาตัวเอง เสนอชื่อ "ประยุทธ์" ขัดข้อบังคับพรรค ทาบทามก่อนได้รับหนังสือยินยอม

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 62 เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากเห็นว่าการเสนอชื่อดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐที่ไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะไปกำหนดว่า การคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นว่าที่นายกฯของพรรค ต้องมีหนังสือยินยอมจากบุคคลนั้นก่อน แต่ปรากฏว่าพรรคพลังประชารัฐมีการประชุมและมีมติให้เชิญพล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นแคนดิเดตก่อนได้รับหนังสือยินยอม นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีลักษณะต้องห้ามในการเสนอชื่อ เพราะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี คือเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช. ซึ่งถือว่าเข้าข่ายเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังรับเงินในเดือนในตำแหน่งดังกล่าวอยู่เดือนละ 125,590 บาท อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า การมายื่นคำร้องครั้งนี้มาในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ยืนยันว่าการยื่นคำร้องไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะผลงานที่ผ่านมาของตนเป็นเครื่องยืนยันว่าร้องมาแล้วทุกคนทุกฝ่าย และไม่ได้ยื่นร้องให้ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อที่จะเบี่ยงเบนประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยรักษาชาติ เพราะคำร้องนี้เตรียมไว้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.แล้ว

"ผมก็ยังยืนยันที่จะต่อสู้ร่วมกับพรรคไทยรักษาชาติต่อไป ส่วนที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคลาออก ผมไม่เห็นด้วย แม้การลาออกจะเป็นเอกสิทธิ์แต่ถ้าลาออกกันหมดก็จะไม่เหลือใครมาทำงาน แล้วจะหาคนใหม่มาก็ยาก หากมีคนมาร้องให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ผมก็พร้อมที่จะช่วยเหลือพรรคในการต่อสู้ทางข้อกฎหมายและพร้อมเข้าให้ถ้อยคำต่อกกต. และเห็นว่า กกต.ควรวินิจฉัยให้เด็ดขาด เพราะตอนเขียนกฎหมายก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นายเรืองไกรกล่าว