วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ.62)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ.62)

การเจรจาการค้ารอบใหม่ หนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รอบใหม่ โดยทำเนียบขาวแถลงการณ์ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 1 มี.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดที่มาตรการภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยสหรัฐฯ ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 25

+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ ยังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปค โดยผลการสำรวจรอยเตอร์พบว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคในเดือน ม.ค. ปรับตัวลดลง 890,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 30.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในลิเบีย ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน  ยังคงปิดดำเนินการเนื่องจากบางพื้นที่ยังคงถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏติดอาวุธ

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสองครั้งในรอบสามสัปดาห์ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ. 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 แท่น มาอยู่ที่ 854 แท่น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปสงค์ยังคงซบเซาในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาค

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • การตกลงปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบตึงตัวขึ้น โดยล่าสุด ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลงเพิ่มเติมอีกราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับการผลิตในเดือนม.ค. 62 สู่ระดับ 10.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับลดมากกว่าที่ได้ตกลงไว้
  • จับตาการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ เพื่อกดดันให้รัฐบาลมาดูโรออกจากตำแหน่ง โดยการคว่ำบาตรนี้อาจส่งผลให้เวเนซุเอลาต้องเปลี่ยนทิศทางการส่งออกน้ำมันดิบราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน ไปยังประเทศอื่นๆ แทนสหรัฐฯ
  • จับตาความคืบหน้าการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก่อนถึงเส้นตายในเดือน มี.ค. 62 ซึ่งหากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนกำหนดดังกล่าว จะส่งผลให้สหรัฐฯ อาจเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 และคาดว่าจีนจะทำการตอบโต้คืนโดยการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน

-----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999