‘สตาร์บัคส์’ พร้อมสู้ศึก"ลัคกิน"ชิงส่วนแบ่งตลาดจีน

‘สตาร์บัคส์’ พร้อมสู้ศึก"ลัคกิน"ชิงส่วนแบ่งตลาดจีน

“จนถึงขณะนี้ ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีน ยังไม่ส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัท เรายังไม่เห็นผลกระทบจากเรื่องนี้มากนัก” ผู้บริหารสตาร์บัคส์ กล่าว

ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดกาแฟจีน เควิน จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ “สตาร์บัคส์ คอร์ป” เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลกประกาศว่า บริษัทยังไม่มีแนวโน้มที่จะเสียตำแหน่งผู้นำตลาดสำคัญที่เติบโตเร็วที่สุดของตนให้กับสตาร์ทอัพจีนอย่าง “ลัคกิน” (Luckin) ในปีนี้

สตาร์บัคส์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซีแอตเทิลของสหรัฐ สร้างชื่อเสียงในเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกแห่งนี้มานานหลายสิบปี ขณะที่ลัคกินเพิ่งตัวเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และขยายสาขาอย่างรวดเร็วโดยเน้นเทคโนโลยีและส่วนลดกระหน่ำ แม้ยังต้องประสบผลขาดทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น” จอห์นสันตอบคำถามสำนักข่าวซีเอ็นบีซีที่ว่าลัคกินอาจเอาชนะสตาร์บัคส์ในจีนภายในปีนี้ได้หรือไม่ และบอกว่า บริษัทเปิดร้านค้าสาขาใหม่ในจีนเพิ่มขึ้น 18% ในไตรมาสล่าสุด

“เฉพาะในไตรมาสล่าสุด เรารุกเข้าเมืองใหม่ 10 เมืองในจีน” ซีอีโอสตาร์บัคส์เสริม และกล่าวว่า แต่ละเมืองยังมีขนาดใหญ่กว่านครลอสแองเจลิส ซึ่งอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียและมีประชากรราว 4 ล้านคน

ก่อนหน้านี้ ลัคกิน ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขากว่า 4,500 แห่งในจีนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะแซงหน้าสตาร์บัคส์ที่ปัจจุบันมีสาขากว่า 3,600 แห่งทั่วประเทศและครองตลาดกาแฟจีนมานาน

“ด้วยอุปสงค์และรูปแบบธุรกิจในตอนนี้ เราสามารถขยายสาขาได้อีก 2,500 สาขาในปีนี้ ซึ่งยังถือว่าเป็นช่วงต้น ของแผนขยายสาขาของเราในจีนเท่านั้น” เรเนาต์ สคราเกล หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของลัคกิน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี

“สาขาหลายแห่งของลัคกินมีพื้นที่ใช้สอยเล็กกว่ามาก และเทียบไม่ได้กับร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ที่ให้บริการครบวงจร”จอห์นสัน กล่าว

จอห์นสัน ซึ่งมานั่งตำแหน่งซีอีโอของสตาร์บัคส์แทนที่โฮเวิร์ด ชูลท์ซ เมื่อเดือนเม.ย. 2560 กล่าวด้วยว่า เขาคาดหวังที่จะให้บริษัทสามารถเติบโตในจีนระดับเดียวกับที่ทำได้ในไตรมาสล่าสุดเนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบในฐานะผู้บุกเบิกตลาดกาแฟในแดนมังกร

“ผมคิดว่าเราจะดำเนินธุรกิจอย่างฉลุย ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตนั้น และการสร้างสาขาใหม่ ๆ ด้วย” จอห์นสันเสริม และบอกว่า สตาร์บัคส์เปิดสาขาใหม่ในจีนเฉลี่ยทุก ๆ 15 ชั่วโมง

ส่วนประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังยืดเยื้อ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสตาร์บัคส์ในจีนแต่อย่างใด

“ยูโรมอนิเตอร์” ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการตลาด ระบุว่า ตลาดกาแฟจีนมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคจีนดื่มกาแฟเฉลี่ย 4-5 แก้วต่อปีเท่านั้นเมื่อเทียบกับชาติอื่น ๆ ในเอเชีย อย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ผู้บริโภคดื่มกาแฟเฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 300 แก้วต่อปี ซึ่งคนใน 2 ประเทศนี้ยังนิยมดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจด้วย