กพฐ.เลิก3 เงื่อนไขพิเศษรับนร.จาก 7 เหลือ4

กพฐ.เลิก3 เงื่อนไขพิเศษรับนร.จาก 7 เหลือ4

กพฐ.มีมติแก้ไขการรับนร.เงื่อนไขพิเศษ ปี 62 ยกเลิก 3 ข้อผู้อุปการะทำคุณประโยชน์ให้โรงเรียน โควตาของโรงเรียนคู่สัญญา ได้คะแนนสอบเท่ากันลำดับสุดท้าย เชื่อล้างแป๊ะเจ๊ยะได้

รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมกพฐ.ครั้งที่ 2/2562 ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2562 รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตและให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับปรุงแก้ไขประกาศเรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 ในการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษจากเดิม 7 ข้อ เหลือ 4 ข้อที่มีความจำเป็นต้องคงไว้ เพื่อประโยชน์ของการศึกษาและผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ คือ 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน 2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ 4.นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน

ส่วน 3 ข้อ ที่ยกเลิกไปนั้น คือ 1. นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง 2.นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ3.นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย โดยกรณีนักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่านั้นในลำดับสุดท้ายนั้น แต่ละโรงเรียนต้องไปกำหนดเกณฑ์และประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ทางสพฐ.จะเร่งดำเนินการแก้ไขประกาศดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อให้โรงเรียนได้นำไปประกาศแจ้งแก่ผู้ปกครองรับทราบต่อไป

รศ.ดร.เอกชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการประกาศรายชื่อผลสอบนักเรียนของโรงเรียน จะต้องเป็นการประกาศรายชื่อนักเรียนตามลำดับคะแนนแต่จะไม่มีการประกาศคะแนน และต้องประกาศรายชื่อนักเรียนทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่จะรับ ส่วนการกำหนดคุณสมบัตินักเรียนทั้งในส่วนของในเขตพื้นที่บริการ และนอกเขตพื้นที่บริการนั้น ทางคณะกรรมการกพฐ.ได้พิจารณากำหนดให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ 60% ซึ่งถ้ามีนักเรียนมาสมัครครบ 60 %ต้องรับทั้งหมด แต่ถ้าไม่เต็มตามจำนวนทางโรงเรียนต้องมีเกณฑ์ในการรับนักเรียนเพิ่ม ส่วน 40%รับนักเรียนนอกเขตพื้นที่สถานศึกษา

นายสนิท กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการปรับแก้คุณสมบัติการรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ โดยต้องเป็นนักเรียนที่อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่บริการ อย่างน้อย 2 ปี นับไปถึงวันที่ 16 พ.ค.2562 ซึ่งนักเรียนต้องอยู่กับบิดามารดา หรือผู้ปกครอง และต้องอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เอาชื่อมาอยู่ในทะเบียนบ้านอย่างที่ผ่านมา โดยครั้งนี้จะมีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ใน 2 ขั้นตอน คือ การรับรองตัวเอง โดยในใบสมัครของผู้ปกครอง ของเด็กให้มีประโยคที่เขียนว่าขอรับรองว่าเขาได้อยู่อาศัยจริงตามที่ระบุ และหากมีการตรวจสอบว่าไม่ได้อาศัยอยู่จริง ยินดีที่จะรับโทษหรือออกจากสถานศึกษาแห่งนั้นทันทีที่ตรวจสอบพบ ดังนั้น ต่อให้นักเรียนได้เข้าเรียนแล้วมาตรวจสอบพบภายหลัง ก็จะมีการพิจารณาลงโทษ โดยอาจจะให้ออกจากสถานศึกษา เพื่อไม่ให้นักเรียนผู้ปกครอง ไม่กล้าที่โกหก ไม่กล้าที่จะปลอมแปลงเอกสาร หรือให้ข้อมูลเท็จ ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายนั้น โรงเรียนจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งโรงเรียนจะสุ่มไปตรวจสอบได้ และหากมีการทำเอกสารปลอมเพื่อมาสมัคร ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดทางกฎหมายอาญา

นอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีมติให้รับนักเรียนที่จบม.3 เพื่อเข้าเรียนต่อม.4 ในโรงเรียนทุกคน ยกเว้นนักเรียนที่ไม่ประสงค์เรียนต่อ กรณีที่รับนักเรียนได้ไม่เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้ สามารถให้สอบรับสมัครเพิ่มเติมได้ มติให้ สพฐ.เลื่อนรับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1และม. 4 มาเป็นวันที่ 22-27มี.ค.2562 จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 23-27 มี.ค.2562 โดยจะงดรับนักเรียนในวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากตรงกับวันเลือกตั้ง และจะทำการประกาศไปยังโรงเรียนต่างๆ ต่อไป