'หมอบุญ' ชี้ธุรกิจสูงวัยโตเร็ว

'หมอบุญ' ชี้ธุรกิจสูงวัยโตเร็ว

เผยตลาดผู้สูงวัยโตเร็วธุรกิจมีโอกาสมาก ชี้ผู้สูงวัยไทย มีเพียง 4% หรือ 3 แสนคน เงินเดือนเกิน 7 หมื่นบาทสามารถใช้คุณภาพชีวิตที่ดีได้ แจงคนไทยเตรียมตัวแก่น้อย เหตุวัฒนธรรมการออมไม่เข้มแข็ง

วันนี้(7 ก.พ.) หนังสือพิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" จัดงานสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ "ROAD to Silver Age : เจาะขุมทรัพย์หมื่นล้าน" เพื่อชี้ให้เห็นถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรในอนาคต ที่จะเป็น "สังคมผู้สูงอายุ" ซึ่งจะมีผลต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ

9315824074719

นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเรื่องแก่หรือสูงอายุ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสังคมไทยเป็นเบอร์ 2 ที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในเอเชีย แต่สังคมสูงวัยของไทย เรียกว่า แก่ก่อนรวย และประชากรวัยอายุ 25-51 ปี วัยนี้จะมีแต่หนี้ ไม่มีสมบัติ ทำงานแล้วไปผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และมีการเตรียมพร้อมน้อยมากที่จะแก่

“มีผู้สูงวัยประมาณ 4% หรือประมาณ 3 แสนคน ของจำนวนผู้สูงวัยทั้งหมด 13 ล้านคน ที่มีเงินเดือนเกิน 7 หมื่นบาท แล้วสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้”

ขณะเดียวกันคนไทยออมน้อยมาก โดยเฉพาะชายไทย ที่ไม่ได้สนใจเรื่องการออม ถ้าแก่ก็มองว่าจะไปบวช ส่วนหญิงไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้นและไม่แต่งงาน ก็จะมีการนำเงินไปดูแลตัวเอง ดังนั้นการทำธุรกิจเฮลท์แคร์ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง และคนอายุยืนขึ้น ก็ต้องการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ต้องมีการนำหุ่นยนต์ประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาให้บริการ และมีการรักษาพยาบาลที่ตอบโจทย์

9315829489569

อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้สูงอายุของไทย ประมาณ 30% มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ผู้สูงอายุอยู่คนเดียวอัตราส่วนเยอะขึ้น เพราะลูกหลานไปทำงานที่อื่น ดังนั้นการเตรียมพร้อมให้ผู้สูงอายุนั้น จะต้องมีเงินอย่างน้อย 70% ของเงินเดือน เพราะถ้าน้อยกว่านั้นจะใช้จ่ายลำบาก

นายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่าธนาคารออมสินมีลูกค้ามากมาย แต่พบว่า มีเพียงประมาณ 10,000 คน เท่านั้น ที่มีเงินสะสมออมที่เพียงพอรองรับการเกษียณอายุ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าไปฝากเงินไว้กับธนาคารอื่น แต่ตัวเลขดังกล่าวก็สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยไม่มีการรองรับการเกษียณ ไม่มีการสะสมการออมไว้ในอนาคต ทางธนาคารออมสินจึงมีนวัตกรรมการเงินตอบโจทย์ผู้สูงวัย เช่น สินเชื่อที่ดินกับบ้านสามารถนำมากู้เงินได้ โดยปล่อยกู้ในดอกเบี้ยที่ต่ำมาก และไม่ต้องจ่ายเงินกู้คืน แต่เหมือนเอาบ้านและที่ดินฝากไว้กับธนาคาร และสามารถกู้เงินได้ ซึ่งถ้าลูกค้าต้องการเอาหลักทรัพย์คืนก็สามารถทำได้ โดยมาปิดบัญชี ธนาคารจะเรียกเก็บและคืนสินทรัพย์ให้ แต่ถ้าเสียชีวิตลูกหลานก็สามารถมากู้ต่อ หรือต้องการหลักทรัพย์นั้นได้ ซึ่งตั้งเป้าปล่อยกู้ 5,000 ล้านบาท ให้แก่การดูแลผู้สูงอายุ โดย 2 ปีแรกดอกเบี้ย 0%

นอกจากนั้น จะมีกิจกรรมเงินฝากผู้สูงวัย ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ส่วนผู้สูงวัยอาชีพอิสระค้าขายก็สามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 2 แสนบาท เป็นต้น อนาคตต่อจากนี้ ถ้าผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคนในขณะนี้ ทางธนาคารจะพยายามหานวัตกรรมการเงินมาตอบโจทย์ผู้สูงวัยมากขึ้น และคาดว่าจะมีลูกค้าผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับการออมรองรับการเกษียณของผู้สูงอายุ ต้องมองว่าเมื่อเป็นผู้สูงอายุจะใช้ไลฟสไตล์ของชีวิตอย่างไร ถ้าใช้ชีวิตปกติต้องเพิ่มอีก 1-2 เท่าของเงินเดือน แต่ถ้าจะใช้ชีวิตหรูหรา ก็ต้องเพิ่มอีก 5 เท่าของเงินเดือน