เอ็มพีวี เล็ก ชิงตลาดเก๋ง อีโค คาร์ -เก๋ง บีเซ็กเมนต์ 

เอ็มพีวี เล็ก ชิงตลาดเก๋ง อีโค คาร์ -เก๋ง บีเซ็กเมนต์ 

ตลาดรถยนต์ปี 2561 ที่ผ่านมา เติบโตอย่างโดดเด่นกว่า 19% ขณะที่ปีนี้หลายคนมองว่าคงไม่ร้อนแรงเท่า แต่ว่าแค่ผ่านไปเดือนกว่าๆ ก็เริ่มมีความคึกคัก

มีรถใหม่เปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นนิสสัน เอ็กซ์เทรล ตามด้วย ซูซูกิ เออร์ติก้า และรถพรีเมียม อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็จะส่งรถใหม่เข้าลุยตลาดเช่นกัน 

ซูซูกิ เป็นผู้ที่มีความชำนาญในตลาดรถเล็ก  ปัจจุบัน มีรถทำตลาดประกอบไปด้วย อีโค คาร์ 3 รุ่น คือ สวิฟท์, เซียส และ เซเลริโอ รถเอ็มพีวี  เออร์ติก้า และรถปิกอัพเล็ก แคร์รี 

ล่าสุด ซูซูกิ เปิดตัว เออร์ติก้า ใหม่ ซึ่งปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว สวยงามขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารใหญ่ขึ้น ช่วงล่างใหม่ แบบเดียวกับที่ใช้ในสวิฟท์ และนำมาใช้กับเออร์ติก้าเป็นรุ่นที่ 2 เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นจากเดิม เบนซิน 1.4 ลิตร เป็นเบนซิน 1.5 ลิตร เท่ากับคู่แข่งในตลาด ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที และติดตั้งอุปกรณ์และระบบหลายอย่าง รวมถึงระบบด้านความปลอดภัย โดยมีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย ราคา 6.55 แสนบาท และ 6.95 แสนบาท

ซูซูกิจะบอกว่าเป็นราคาช่วงแนะนำ โดยจะคงราคานี้ถึงวันที่ 30 เม.ย. ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะปรับหรือไม่ปรับอย่างไร โดยดูจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งภาพรวมตลาดรถยนต์ และการตอบรับของลูกค้า

สำหรับรถในตลาดเอ็มพีวี ขนาดเล็ก หรือกลุ่มบี-เซ็กเมนต์ ผู้บริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด วัลลพ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด ระบุว่า ขณะนี้ตลาดนี้ยังไม่ใหญ่นัก แต่มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการสร้าง ทั้งการออกแบบ รายละเอียดทางเทคนิค ต่างๆ จะทำให้เป็นโอกาสดีสำหรับเออร์ติก้าในการทำตลาด โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้เอาไว้ 2,390 คันจากเป้าขายรวม 3.3 หมื่นคัน 

ส่วนเป้าหมายการขายหลักๆ ยังมาจากกลุ่มรถอีโค คาร์ โดยเฉพาะสวิฟท์ 1.59 หมื่นคน ตามด้วย เซียส 8,930 คัน เซเลริโอ 2,330 คัน ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกของตลาดที่ปัจจุบันรถยนต์ในกลุ่มอีโค คาร์ มียอดขายสูงสุดในตลาดรถยนต์นั่ง ด้วยสัดส่วนประมาณ 60% 

ซึ่งในตลาดอีโค คาร์ ค่ายที่ทำตลาดได้ดี อย่างเช่น มาสด้า ก็จะเห็นได้ว่าปีที่แล้ว อีโค คาร์ มาสด้า 2 ทำยอดขายได้ถึง 4.59 หมื่นคัน จากยอดขายรวมมาสด้า 7.04 คัน 

สำหรับรถในตลาด บี-เซ็กเมนต์ เอ็มพีวี ปัจจุบัน ก็เช่น ฮอนด้า โมบิลิโอ มีราคาจำหน่าย 6.59 แสนบาท 6.99 แสนบาท และ 7.63 แสนบาท  กับ โตโยต้า เซียนต้า มีราคาจำหน่าย 7.5 แสนบาท และ 8.65 แสนบาท ส่วนมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ แม้จะเป็นรถที่มีเบาะานั่ง 3 แถว 7 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ตัวรถออกไปทางครอสโอเวอร์มากกว่า 

สำหรับการที่ผู้บริหารซูซูกิ มั่นใจว่า ตลาดบี-เซ็กเมนต์ เอ็มพีวี จะขยายตัวมากขึ้นหลังจากนี้ มาจากตัวสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปชัดเจน และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย 

โดยมองว่าด้วยรูปทรง รายละเอียดทางเทคนิค และฟังก์ชันต่างๆ บวกกับราคาจำหน่ายที่ลูกค้าเข้าถึงง่าย จะทำให้ผู้บริโภคจากสินค้าหลายกลุ่ม หันมาสนใจรถกลุ่มนี้ โดยมีข้อได้เปรียบเพิ่มเติมคือ เบาะนั่ง 7 ที่นั่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเบาะให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายสำหรับผู้โดยสาร หรือ สัมภาระก็ตาม 

กลุ่มหนึ่งที่จะช่วยผลักดันตลาดนี้ก็คือ ผู้ที่ซื้อรถในโครงการรถคันแรก ที่เริ่มทยอยครบกำหนดการถือครอง 5 ปี ในปีที่แล้ว ทำให้สามารถซื้อขายรถได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เมื่อเปลี่ยนรถใหม่ ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น หรือ ครอบครัวที่ขยายขึ้นจาก 5 ปีที่แล้ว ก็จะมองหารถที่ใหญ่ขึ้น ตอบสนองการใช้งานได้มากกว่าเดิม

วัลลภกล่าวว่า ไม่เพียงแต่ฐานลูกค้าอีโค คาร์ เท่านั้น แต่ลูกค้าในตลาดรถยนต์กลุ่ม บี-เซ็กเมนต์ ซึ่งมีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน ราคาใกล้เคียงกัน ก็เป็นอีกเป้าหมายที่จะถูกดึงเข้ามายัง บี-เซ็กเมนต์ เอ็มพีวี และแน่นอน คือ เออร์ติก้า ด้วยเช่นกัน