ขอนแก่นเร่งพ่นน้ำ ไล่ฝุ่นค่ายังสูงสุดในประเทศ

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นพ่นน้ำดูดซับฝุ่นที่บริเวณริมถนนมิตรภาพ จุดใกล้มอดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่สูงมองเห็นตัวเมืองขอนแก่น หลังจากที่ดัชนีคุณภาพอากาศจังหวัดขอนแก่น ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าช่วงเวลา11.00น. ค่าAQIสูงสุดที่172ส่วนค่าPM 2.5อยู่ที่79ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ขณะที่สภาพอากาศมองด้วยสายตาเห็นชัดว่าปกคลุมด้วยหมอก ไม่สามารถมองเห็นตัวอาคารและมองระยะไกลบนถนนมิตรภาพไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าจากที่ขึ้นกระเช้ามองไปตัวเมืองขอนแก่น พบว่าหมอกหนามากขณะนี้เราพยายามใช้เครื่องมือที่มีอยู่ โดยเฉพาะของป้องกันบรรเทาและสาธารณภัยเขต6โดยใช้รถกระเช้าขนาด50เมตร รวมถึงเครื่องพ่นละอองน้ำ วันนี้ทดลองที่จุดที่เชื่อว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น รัศมีการพ่นน้ำประมาณ200เมตร เห็นชัดเจนว่าพ่นออกไปทำให้อากาศค่อนข้างดีแจ่มใส การใช้จุดที่สูงที่สุดเพื่อให้เกิดลมเคลื่อนตัวให้ละอองน้ำไปให้ได้ไกลที่สุด และจะกระจายทำหลายจุดในเมือง พร้อมกันนี้ให้ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสุเทพ มณีโชติ ไปขอความร่วมมือกับอาคารสูง เพื่อต่อระบบท่อน้ำบนอาคารสูงพ่นดูดซับฝุ่นละออง เช่น เซ็นทรัลและแสนสิริ

ตั้งแต่เมื่อคืนอำเภอน้ำพอง กระนวน และอุบลรัตน์ ได้มีการพ่นละอองน้ำเป็นการลดปัญหาจากรอบนอก ทำให้ช่วยบรรเทาลดความรุนแรงในตัวเมืองได้บ้าง ขณะเดียวกันในเขตชุมชนเมืองจะเน้นทุกจุด เท่าที่ทำได้ โดยจะต้องดูทุกมิติวันนี้ได้ให้แขวงการทางมาดุเรื่องฝุ่นละอองตามถนน เพราะแหล่งกำเนิดฝุ่นควันไม่ใช่แหล่งเดียว ต้องดูทุกด้านเพื่อบรรเทาปัญหาของให้มากที่สุด

รวมทั้งได้เฝ้าติดตามด้านผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สอบถามไปยังโรงเรียนและทางสาธารณสุข เพราะอาจจะมีผลกระทบกับปัญหาระบบทางเดินหายใจ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานหรือมีผู้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามข้อมูลล่าสุด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน แจ้งว่า คาดว่าอากาศในช่วงสัปดาห์หน้าอาจจะมีฝนฟ้าคะนอง อาจจะมีความเร็วของลมกระจายตัวฝุ่นได้ และฝนจะช่วยดูดซับฝุ่นละออง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะไม่พ่นน้ำในบริเวณใกล้จุดเครื่องวัดดัชนีคุณภาพอากาศ เพราะจะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนและแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง เชื่อมั่นว่าเครื่องมือวัดจะเป็นตัวชี้วัดและยืนยันว่าอย่างน้อยที่สุดที่เราได้ทำให้เกิดผลดีต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาปัญหาเฉพาะหน้า แต่สำหรับปัญหาระยะยาวนั้น ต้องเฝ้าระวังทุกจุด และต้องขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะเกษตรกรรวมทั้งชาวไร่อ้อยและโรงงาน ให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพของส่วนรวม