พปชร. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 50 เขต 14 จังหวัดภาคใต้

พปชร. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 50 เขต 14 จังหวัดภาคใต้

เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 50 เขต 14 จังหวัดภาคใต้ รองหัวหน้าพรรคขอโอกาสปีที่ 27 เป็นปีแห่งความหวังการพัฒนาภาคใต้

เมื่อวันที่ 31 ม.ค.62 ณ โรงแรมบุรีศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ รองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 50 เขต ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า วันนี้จิ๊กซอตัวที่สองคือว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้จำนวน 50 เขตที่อาสาเข้ามาเพื่อทำหน้าที่รับใช้ชาวใต้ สนองนโยบายของพรรคที่ไม่ได้เป็นนโยบายที่เพ้อฝัน ที่มีการทำการบ้านตลอด 3 เดือนกับพื้นที่และที่อยู่ระหว่างการดำเนินการคือใครจะเป็นผู้นำประเทศ ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก่อนนั้น ผมจะพูดว่า ถ้าเราเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาวันนี้ผมขอเปลี่ยนใหม่ว่าเราจะชูผู้นำท่านนี้เป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเทศไทย นั่นคือการชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นผู้นำประเทศ

“พรรคพลังประชารัฐชัดเจนว่าจะสานต่อนโยบายของรัฐบาลลุงตู่ที่ทำมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง สร้างความเปลี่ยนแปลง เสริมความเข้มแข็งให้ประเทศ ท่านเป็นแอ็คชั่นแมน โดยเฉพาะการประกาศนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่มีการประกาศไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ในเรื่อง 3 พันธกิจ ว่าด้วยเรื่อง สวัสดิการประชารัฐ เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ เรื่องสังคมประชารัฐ ที่จะสร้างสังคมที่สงบสุข สังคมที่เข้มแข็ง สังคมที่เกื้อกูลและแบ่งปัน และเรื่องเศรษฐกิจประชารัฐที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้มีความสามารถ สร้างโอกาสที่เท่าเทียบให้กับทุกคน"

ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่มีศักยภาพมหาศาล แต่ในอดีตไม่มีรัฐบาลไหนหรือผู้แทนของภาคใต้ที่มองเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่อย่างนี้
เช่น การท่องเที่ยวของภาคใต้ที่มีการเติบโตในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากความสงบสุข เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณรัฐบาลลุงตู่ที่ทำให้บ้านเมืองที่มีความขัดแย้งรุนแรงในช่วง 5ปี นำมาบ้านเมืองมาสู่ความสงบสุข และจากความสงบสุขนำมาซึ่งรายได้ของการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้นภาคใต้มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.88 ล้านล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งของจากรายได้การท่องเที่ยวของภาคใต้ 23 เปอร์เซ็นต์ เพราะนั้นพรรคพลังประชารัฐจึงมองเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นเรื่องใหญ่ เราจะสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราจะมาขยายผลสำหรับคนที่ตกหล่น ที่ไม่ได้รับบัตรจำนวนไม่น้อย ครอบคลุมกลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย ผู้พิการ แรงงาน และสตรีมีครรภ์

“อดีตของภาคใต้ 26 ปีที่ผ่านมา เป็น 26 ปีแห่งความว่างเปล่า เป็น 26 ปีแห่งความสิ้นหวัง เราจะทำให้เป็นปีที่ 27 ที่เป็นความหวังของคนใต้”

หลังจากที่เมื่อวันที่ 30 ม.ค.62 ที่ผ่านมา ที่พรรคพลังประชารัฐมีมตีเสนอบัญชีรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคพลังประชารัฐ 3 ท่าน ท่านแรกก็คือลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ของเรานี่เอง ท่านที่ก็คือท่านหัวพรรค ท่านอุตตม สาวนายน และท่านที่สามคือท่านรองนายกรัฐมนตรีดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ฉะนั้นจิ๊กซอตัวสามคือใครจะเป็นผู้นำพรรคใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้รายนี้รายชื่อมีสามชื่อนี้อย่างแน่นอน คำถามก็คือภายในวันที่ 8 ก.พ.62 นี้ เราจะมีสามสิ่งที่จะทำให้อุดมการณ์ของพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นอย่างแท้จริง นั่นคือเราจะรู้แล้วว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ถ้าเราเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล สองนโยบายของเราที่ออกมาในเรื่องพันธกิจ และสามก็คือผู้สมัครส.ส. นี่คือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐมีความเชื่อในเรื่องของการกระจายอำนาจ กระจายโอกาส กระจายความมั่งคั่ง และส่วนหนึ่งก็คือจะทำให้อย่างไรให้พลังที่เกิดขึ้นเป็นพลังประชารัฐที่แท้จริง พลังประชารัฐ คือพลังของประชาชน