บาทแข็ง น้ำมันขึ้น

บาทแข็ง น้ำมันขึ้น

SET Index วานนี้ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่นักลงทุนชะลอกับการลงทุน

ประกอบกับจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการประชุมโหวตร่างข้อตกลง Brexit นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกที่ร่วงลงยังเป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่ม ENERG ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,624.05 จุด (-0.98 จุด) Volume 5.2 หมื่นลบ. จาก Foreign Net +1,289.18 ลบ. TFEX Net +9,125 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ -361 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หลังจากสหรัฐได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลา

+ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 51.74 จุดแม้ว่า Conference Board เผยแพร่ผลสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 120.2 จุด

+ สหรัฐรายงานดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2%

+รัฐสภาอังกฤษไฟเขียวร่างแก้ไข Brexit ค้านแยกตัวแบบไม่มีข้อตกลง

+สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ธ.ค..61 ขยายตัว 0.75%, ทั้งปีโต 2.8% จาก 2.5% ในปี 60

+สศอ. คาดดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปี 62 ขยายตัว 2-3%, GDP ภาคอุตสาหกรรมโต 2-3%

+ การเลือกตั้งมีความคืบหน้า วานนี้ 4 รมต.ขอลาออกเพื่อเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐเต็มตัวมีผลวันนี้ ส่วนรายชื่อนายกฯยังรอกรรมการบริหารพรรคเคาะใน 1-2 วันนี้

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย MTD 8.0 พันล้านบาท ค่าเงินบาท 31.44 บาท/US

คาดดัชนี SET วันนี้มีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันที่ปิดบวก การเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้นตามโรดแมพ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ แต่มีปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อยู่ระหว่างรอผลการเจรจา  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

  • หุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง VGI PLANB MACO CPALL MAKRO BJC TKS
  • ขยายเวลา VOA AOT CENTEL ERW
  • High Div : KAMART SIRI SNC ORI DIF BTSGIF SC MC AIT QH KKP TKS
  • CPALL MAKRO ช็อปตรุษจีน

หุ้นแนะนำพิเศษ

HMPRO (ราคาปิด 15.40  “ซื้อ” Bloomberg Consensus 16.45 บาท)

  • ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่มีศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรต่อเนื่องตามการเปิดสาขา และกลยุทธ์ในการเปิดสาขาขนาดเล็กที่ช่วยให้เข้าถึงชุมชนได้ดี ปลายปี 61 มีทั้งสิ้น 109 สาขา (เปิดเพิ่ม 7 สาขาจากปี 60) แบ่งเป็น 1) HomePro 82 สาขา 2) HomePro(S) 9 สาขา 3) HomePro-Malaysia 6 สาขา และ 4) MegaHome 12 สาขา
  • ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมามีกำไรโตเฉลี่ย 29% ต่อปี แนวโน้มมาร์จิ้นปรับดีขึ้นจากสัดส่วนสินค้า House Brands เพิ่มขึ้นเป็น 6 % ในงวด 9M61 จาก 19.1% ในปี 60 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 61 เฉลี่ย 5,645 ลบ. +16%YoY งวด 9M61 มีกำไร 3,927 ลบ.+17%YoY แนวโน้ม 4Q61 เข้าสู่ High Season จากแผนเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ HomePro(S) สาขา Market Place นางลิ้นจี่ สาขาGateway บางซื่อ และสาขา Sena fest เจริญนคร พร้อมทั้งจัดงานโฮมโปรเอ๊กซ์โปและกิจกรรมโปรโมชั่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หนุนกำไร Q4 สูงสุดรายไตรมาสของปี 61

หุ้นมีข่าว   

TCAP Analyst Meeting (ราคาปิด 53.50 Bloomberg Consensus 58.01)

·        ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อมากกว่า 5% โดยจะมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อรถยนต์ทั้งมือหนึ่งและมือสองเนื่องจากทางธนาคารเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวอยู่แล้ว ขณะที่คาดว่า NIM จะทรงตัวที่ระดับ 2.9-3.0% และตั้งเป้าเงินฝาก CASA เพิ่มขึ้นสู่ 50% ขณะที่ตั้งเป้า NPL ทรงตัวไม่เกิน 2.5%

·        เรื่องการควบรวมระหว่าง TBANK และ TMB ผู้บริหารยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ อีกทั้งยังไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการจากภาครัฐและผู้ถือหุ้น

·        + SSP (ราคาปิด 7.65 “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 11.60) นับถอยหลังเตรียม COD โซลาร์มองโกเลีย 16 เมกะวัตต์ จับตาผลงานไตรมาส 1/2562 วิ่งกระฉูด หลังมีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 90 เมกะวัตต์ ส่วนปี 2562 จ่อเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอีก 65 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โครงการ คาดรายได้ปี 2562 โต 25% (ที่มา : ทันหุ้น)

ความเห็น : เป็นสัญญาณที่ดีที่โรงไฟฟ้าสามารถ COD ได้ตามกำหนดการณ์ โดยคาดกำไรสุทธิปี 62 ที่ราว 730 ลบ. +37%YoY จากการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าที่ COD ในปี 61 และมีโครงการใหม่เข้ามาในปี 62 ได้แก่ โครงการโซลาร์มองโกเลีย(16.4 MW) และโครงการโซลาร์ในเวียดนาม(49.61 MW)

·        + BANPU อัดฉีดงบ 300 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าลงทุนธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ หวังต่อยอดความสำเร็จบริหารจัดการ พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนอัพกำลังผลิต ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร (ที่มาข่าวหุ้น)

·        ประเด็นบวกกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดกลาง-เล็ก กกพ.คาดออกประกาศรับซื้อโซลาร์ภาคประชาชน 100 MW ใน Q2/62 ,รับซื้อไฟฟ้า SPP จากขยะชุมชน ใน 1-2 เดือน

·        + จับตา PTTEP ประกาศงบปี 61 วันนี้ ลุ้นโชว์กำไรสุทธิพุ่งเฉียด 4 หมื่นล้านบาท (ที่มาข่าวหุ้น)

·        + SAMART รับเต็มๆ รัฐบาลคิกออฟ Thai E-VISA ครั้งแรก 15 กุมภาพันธ์นี้ เหตุเป็นผู้วางระบบโดยตรง ด้าน "วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์" แจงได้หัวละ 525 บาท ยิ่งใช้บริการมากยิ่งได้มาก ตั้งเป้าจีน 1 ล้านบาท คนใช้บริการ E-VISA ดันรายได้ค่าบริการส่วนนี้ราว 500-600 ล้านบาทปีนี้ วาดภาพปี 2562 ผลงานไฉไลต่อเนื่อง งานเพียบ-ธุรกิจใหม่หนุน (ที่มา : ทันหุ้น)

·        ILINK ลุยประมูลงานโครงการเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย มูลค่า 2,130 ล้านบาท หลังครม.อนุมัติให้กฟภ.เดินหน้าต่อ ขณะที่เข้าประมูลงานใหม่ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท คาดงานประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนผลงานปี 2562 ตั้งเป้ารายได้โต 30% แตะ 5,000 ล้านบาท โชว์งานในมือ 2,700 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)

·         - THCOM ครม.เห็นชอบให้ใช้แนวทางบริหารจัดการดาวเทียมในปท.แบบ PPP แทนสัมปทานหลังสิ้นสุดสัญญา

·         PRINC : ตลท. แจ้งการปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรม/หมวดธุรกิจ ของบมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) จากกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจเดิม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ธุรกิจบริการการแพทย์  มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.62