รมว.แรงงาน มอบเงินเยียวยาทายาทลูกจ้างเครนถล่ม ย่านพระราม3

รมว.แรงงาน มอบเงินเยียวยาทายาทลูกจ้างเครนถล่ม ย่านพระราม3

รมว.แรงงาน มอบเงินเยียวยาแก่ทายาทลูกจ้างเครนถล่ม จำนวน 5 ราย เป็นสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมจำนวนทั้งสิ้น 7,946,127.16 บาท พร้อมสั่ง กสร.สอบข้อเท็จจริงนายจ้างโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2562 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบเงินให้กับทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมให้ผู้ที่เสียชีวิตกรณีเครนถล่มขณะคนงานกำลังต่อเครนเพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 รายเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมานั้น

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการเยียวยาของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้พิจารณาเห็นว่าการประสบอันตรายดังกล่าวเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บมีสิทธิประโยชน์ทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ในส่วนของลูกจ้างที่เสียชีวิตได้มอบเงินให้กับทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมทั้ง 5 ราย ดังนี้ 1) นายวิทูณ ไชยมี ทายาทจะได้เงินเป็นค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต พร้อมเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,812,728.60 บาท 2) นายเติมศักดิ์ ศรีพิทักษ์ ทายาทจะได้เงินเป็นค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต พร้อมเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,792,370.16 บาท

3) นายวิชา กาวีอ้าย ทายาทจะได้เงินเป็นค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต พร้อมเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,423,156.86 บาท 4) นายศิลป์ กาศสกุล ทายาทจะได้เงินเป็นค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต พร้อมเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,548,981.14 บาท และ 5) นายธนโชค บริคุต ทายาทจะได้เงินเป็นค่าทำศพ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต พร้อมเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,368,890.40 บาท รวมเป็นเงินที่จ่ายให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมจำนวนทั้งสิ้น 7,946,127.16 บาท

พล.ต.อ.อดุลย์ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเอาผิดดำเนินคดีกับนายจ้างว่า ขณะนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานอยู่ระหว่างการเรียกนายจ้างมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุดต่อไป