สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 21-25 มกราคม 2562

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 21-25 มกราคม 2562

เงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามการอ่อนค่าของเงินหยวน ประกอบกับมีปัจจัยลบจากตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค. ของไทยที่อ่อนแอกว่าที่คาด โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ในช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ หลังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นการเลือกตั้งของไทย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานราชการสหรัฐฯ ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ที่หดตัวกว่าที่ตลาดคาด 

- ในวันศุกร์ (25 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.66 เทียบกับระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 ม.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (28 ม.ค.-1 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนธ.ค. และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (29-30 ม.ค.) ภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน สถานการณ์ BREXIT ของอังกฤษ และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ และประเทศชั้นนำอื่นๆ ของโลก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์   

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,623.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.52% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 26.61% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 55,671.61 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ขยับขึ้น 3.85% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 371.40 จุด

- ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้จะมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความคืบหน้าการเลือกตั้ง หลังมีการเผยแพร่พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเข้ามา หลังจากที่มีแนวโน้มว่าจะมีแนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น แม้ครม.เห็นชอบให้ค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมก็ตาม

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (28 ม.ค.-1 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,630 และ 1,645 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (29-30 ม.ค.) สถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ตลอดจนผลประกอบการไตรมาส 4/61 ของบริษัทจดทะเบียน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนม.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/61 และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของประเทศในแถบยุโรป ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีนและญี่ปุ่น