วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (24 ม.ค.62)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (24 ม.ค.62)

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังยุโรปเตรียมค้าขายกับอิหร่านผ่านระบบการชำระเงินใหม่

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังสหภาพยุโรปเตรียมประกาศใช้ระบบกลไกการชำระเงินสำหรับการค้าขายกับอิหร่านผ่านสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเร็วนี้ ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจากอิหร่านจะปรับลดลงน้อยกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านยังสามารถใช้สกุลเงินยูโรในการซื้อขายได้

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นำโดยการเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน ( Shale Oil) โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานจะแตะระดับ 8.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.พ. 62 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 63,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า

- ภายหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 6.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าจะปรับลดลง 42,000 บาร์เรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง

+ สหรัฐฯ ประกาศยกระดับเพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร  โดยการรองรับผู้นำฝ่ายค้านและประธานสมัชชาแห่งชาติ ในฐานะประธาธิบดีแทนนาย นิโคลัส มาดูโร และในเร็วนี้เตรียมพิจารณาที่จะออกมาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลา

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยในปี 2562 คาดอุปทานน้ำมันเบนซินจะปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8.1 จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานจากมาเลเซียที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นใหม่

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลในสัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 15 จากสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

        ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

        ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • จับตาสถานการณ์ในสหราชอาณาจักร หลังแผนการตกลง BREXIT ที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ถูกปฏิเสธโดยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้ด้วยคะแนนเสียง 202 ต่อ 432 ส่งผลให้ประเทศอังกฤษอาจต้องถอนตัวจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น หรืออาจยกเลิก BREXIT หากไม่สามารถเสนอแผน BREXIT ฉบับใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด
  • เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดโลกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจเผชิญหน้ากับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 11.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ โรงกลั่นในสหรัฐฯ ได้ปรับลดกำลังการกลั่นและมีแนวโน้มที่จะปรับลงอย่างต่อเนื่อง

-----------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999