ฎีกาจำคุก '3เกลอสายล่อฟ้า' หมิ่น 'ปูว.5'

ฎีกาจำคุก '3เกลอสายล่อฟ้า' หมิ่น 'ปูว.5'

ศาลฎีกาพิพากษา "สามเกลอสายล่อฟ้า" ผิดหมิ่น "ยิ่งลักษณ์" ปมโฟร์ซีซั่น แต่ให้รอลงอาญา

ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ. 55

จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ "สายล่อฟ้า" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องบลูสกาย ร่วมกันใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหายขณะไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นทำนองว่า ประพฤติผิดจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คดีนี้ศาลชั้นต้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปีและปรับคนละ 50,000 บาท โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โจทก์ร่วมและจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ขณะที่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" โจทก์ร่วมยื่นฎีกา ขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยทั้งสามก็ยื่นฎีกา ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ร่วม ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาไม่ติดใจดำเนินคดี ส่วนจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา หลังจากออกคำแถลงขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ขณะที่วันนี้ จำเลยทั้งสาม เดินทางมาศาลตามนัดเพื่อฟังคำสั่ง ส่วน "น.ส.ยิ่งลักษณ์" โจทก์ร่วมและทนายความไม่มาศาล

โดยศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาเกี่ยวกับการขอถอนฎีกา ซึ่ง "ศาลฎีกา" ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกา เพราะคดีนี้ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นและส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้น จึงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาทันที

โดย "ศาลฎีกา" พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ร่วมซึ่งเป็นแผ่นดีวีดีอัดรายการและคำถอดเทปแล้ว มีคำเช่นว่า "ปูเอาอยู่" โดยจำเลยอ้างว่าเป็นฉายาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปี 2554 นั้น แต่เมื่อพิจารณาบริบทซึ่งเป็นคำสนทนาของจำเลยทั้งสามแล้ว เป็นการสื่อความหมายไปในทางชู้สาวว่าวันที่ 8 ก.พ.55 โจทก์ร่วมไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจอะไร ซึ่งแม้โจทก์ร่วมจะเป็นบุคคลสาธารณะที่จำเลยทั้งสามที่เป็น ส.ส. จะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่วิธีการที่จำเลยทั้งสามพูดในเชิงชู้สาวดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้ไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำที่มิชอบ แต่โจทก์ร่วมก็ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงการไม่เข้าร่วมประชุมสภาแล้วไปที่โรงแรมให้สาธารณชนรับทราบ โดยชั้นสืบพยาน โจทก์ร่วมก็ระบุเพียงว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากกรณีไม่เป็นความลับก็ไม่น่าทำให้เกิดความระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งโจทก์ร่วมก็สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ การที่จำเลยเรียกร้องให้โจทก์ร่วมชี้แจงถือเป็นการแฝงเจตนาดีเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้รอลงอาญาจำเลยทั้งสาม