วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 ม.ค.62)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 ม.ค.62)

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกลง

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานผลการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกจะเติบโตที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2562 และร้อยละ 3.6 ในปี 2563 ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมร้อยละ 0.2 และ 0.1 ตามลำดับ ส่งผลให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่จะชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก

- ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศจีนที่อ่อนแอลง เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันดิบ โดย GDP ของจีนในปี 2561 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.6 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี เนื่องมาจากผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

- ตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน พ.ย. 61 อยู่ที่ระดับ 8.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียสูงขึ้นสู่ระดับ 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งชั้นหินดินดาน (shale basin) ของสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 2562 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 63,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 8.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน  ซึ่งแหล่งน้ำมันดิบ Permian ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.พ. 2562

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานยังคงล้นตลาด โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันเบนซินจากประเทศจีนที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังอุปสงค์จากอินโดนีเซียปรับตัวลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการส่งออกน้ำมันดีเซลไปนอกภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้อุปสงค์ในภูมิภาคมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • จับตาสถานการณ์ในสหราชอาณาจักร หลังแผนการตกลง BREXIT ที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ถูกปฏิเสธโดยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้ด้วยคะแนนเสียง 202 ต่อ 432 ส่งผลให้ประเทศอังกฤษอาจต้องถอนตัวจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น หรืออาจยกเลิก BREXIT หากไม่สามารถเสนอแผน BREXIT ฉบับใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด
  • เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดโลกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจเผชิญหน้ากับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 11.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ โรงกลั่นในสหรัฐฯ ได้ปรับลดกำลังการกลั่นและมีแนวโน้มที่จะปรับลงอย่างต่อเนื่อง

-------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

        โทร.02-797-2999