โอซีซีอาร์พีกดดันอียูคุมเข้มออกวีซ่าทอง

โอซีซีอาร์พีกดดันอียูคุมเข้มออกวีซ่าทอง

หวังลดจำนวนอภิมหาเศรษฐีต่างชาติใช้เป็นแหล่งกบดานจากคดีคอร์รัปชันและเลี่ยงภาษีเหมือนกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีไทย“ทักษิณ ชินวัตร”

โครงการรายงานอาชญากรรมและการทุจริตคอร์รัปชัน(โอซีซีอาร์พี) องค์กรไม่แสวงผลกำไร เร่งกดดันสหภาพยุโรป (อียู)เรียกร้องชาติสมาชิกเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมโครงการวีซ่าทองในแต่ละประเทศ พร้อมเตือนว่าหลายประเทศฉกฉวยประโยชน์จากโครงการนี้ให้แก่บุคคล หรือ องค์กรอาชญากรรมต่างๆ เพื่อฟอกเงิน คอร์รัปชัน และเลี่ยงภาษี พร้อมทั้งหวังว่าอียูจะให้คำแนะนำแก่ประเทศสมาชิกในการกำหนดกฎระเบียบต่างๆที่เข้มงวดมากขึ้น ก่อนอนุญาตให้บรรดามหาเศรษฐีซื้อที่อยู่อาศัย หรือให้สิทธิความเป็นพลเมือง โดยแลกเปลี่ยนกับการเข้ามาลงทุนของบรรดามหาเศรษฐีเหล่านั้น

สมาชิกในอียูทั้ง20 ประเทศรวมถึง สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และสเปน ต่างขายใบอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ ขณะที่มอลตา ไซปรัส และบัลแกเรียมีโครงการมอบสิทธิพลเมืองแก่นักลงทุนซึ่งก่อความเสี่ยงแก่สหภาพยุโรปโดยรวม โดยเฉพาะด้านความมั่นคง

โอซีซีอาร์พี ยกตัวอย่างการมอบวีซ่าทองแก่บุคคลและองค์กรต่างๆ ซึ่งถูกต้องสงสัยเช่น ไซปรัส มอบสิทธิพลเมืองแก่นักลงทุนต่างชาติ 1,685 คน นับตั้งแต่ปี 2551 ในจำนวนนี้หลายคนมาจากประเทศอดีตสหภาพโซเวียต จีน อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย ส่วนมอนเตเนโกร ก็เป็นแหล่งหลบภัยของผู้นำหลายคนรวมถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชัน หลังหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อปี 2551

ช่วง10 ปีที่ผ่านมา ประเทศสมาชิกอียูทำเงินจากโครงการวีซ่าทองได้เกือบ 29,000 ล้านดอลลาร์ โดยสหราชอาณาจักร สเปน และโปรตุเกสอยู่อันดับต้นๆ ของผู้มีรายได้สูงสุดจากโครงการนี้