ครม.เห็นชอบเอกชนลดหย่อนภาษีเงินบริจาคป่าชุมชน-ความเสมอการศึกษา

ครม.เห็นชอบเอกชนลดหย่อนภาษีเงินบริจาคป่าชุมชน-ความเสมอการศึกษา

มติ ครม.เห็นชอบภาคเอกชน นำจำนวนเงินบริจาคป่าชุมชนลดหย่อนภาษีได้ จูงใจส่งเสริมชุมชนลดโลกร้อนได้หมู่บ้านละแสน -รัฐลดรายจ่ายปีละ 72 ล้าน

เมื่อวันที่ 22 ม.ค.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล เศษ "นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์" โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า วันนี้ ครม.เห็นชอบเกี่ยวกับ มาตราการทางภาษี 2 เรื่อง คือ มาตรการเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน โดยที่ผ่านมามีการจัดทำโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนเพื่อดูแลรักษาป่า และมีเป้าหมายการจัดตั้งป่าชุมชน โดย ครม.มีมติให้สิทธิประโยชน์เรื่องภาษีกับภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนสนับสนุนชุมชนผู้ดูแลรรักษาป่าโดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้ดับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนใดที่บริจาคเงินที่จะนำเงินบริจาคนั้นมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่าจำนวนที่มีการบริจาคซึ่งจะหักได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ

ขณะที่การบริจาคทำได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 - 31 ธ.ค.65 โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนั้นจะต้องลงนามในบันทึกความร่วมมือโครงการสนับสนุนป่าชุมชนฯ และจะต้องสนับสนุนโครงการหมู่บ้านละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทซึ่งสามารถให้การสนับสนุนได้มากกว่า 1 หมู่บ้าน นอกจากนี้ยังต้องมีหลักฐานใบเสร็จการรับเงินของกรมป่าไม้ มาแสดงด้วย โดยกระทรวงการคลัง คาดว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะมีผลทำให้อัตรการจัดเก็บภาษีลดลงปีละ 18 ล้านบาท แต่จะช่วยทดแทน และประหยัดเงินงบประมาณภาครัฐที่จะต้องดำเนินการปีละ 72 ล้านบาท

ส่วนมาตรการภาษีอีกเรื่อง คือกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่กฎหมายปี 2561 กำหนดให้ผู้บริจาคเงินแก่กองทุนฯ นำจำนวนเงินที่บริจาคมาหักลดหย่อนรายจ่ายได้เช่นเดียวกัน โดยดารบริจาคตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.62 -31 ธ.ค.63 จะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งบุคคลธรรมดาลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาคแต่ไม่เกืน 10% ของเงินได้ ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าเช่นกันแต่ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนกักรายจ่ายเพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยคาดว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะทำให้การจัดเก็บภาษีลดลง 45 ล้านบาทช่วงตลอดโครงการ แต่จะมีส่วนช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐในการสนับสนุนเงินเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา