ยูเอ็นเผยยอดเอฟดีไอจีนขยายตัวสวนทางทั่วโลก

ยูเอ็นเผยยอดเอฟดีไอจีนขยายตัวสวนทางทั่วโลก

ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ของทั่วโลกชะลอตัวลงในปี 2561 แต่เอฟดีไอของจีนกลับเป็นไปในทิศทางตรงข้ามและเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินเอฟดีไอเข้าประเทศมากที่สุดในโลก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าอังค์ถัด ได้เปิดเผยรายงานจับตาแนวโน้มการลงทุนปี 2562 (2019 Investment Trends Monitor) ซึ่งระบุว่า เอฟดีไอทั่วโลกควรปรับตัวขึ้นในปี 2562 แต่แนวโน้มในขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอ

ส่วนยอดเอฟดีไอทั่วโลกในปี 2561 ปรับตัวลง 19% สู่ระดับ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.47 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2560

นายเจมส์ จาน ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนและบรรษัทของอังค์ถัด กล่าวว่า ยอดเอฟดีไอทั่วโลกลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ส่งผลให้ยอดรวมปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่หลังเกิดวิกฤตการเงินโลก แต่สำหรับจีนนั้น ในช่วงครึ่งปีแรก จีนเป็นประเทศที่มียอดเอฟดีไอมากที่สุดในโลก

นายจาน  กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินเอฟดีไอไหลเข้าสู่จีนจำนวนมากนั้น มาจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการที่จีนเปิดเสรีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการและภาคการเงิน นอกจากนี้ จีนยังเพิ่มความพยายามในการสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค