'สุวัจน์' ระลึกคำสอน 'หลวงพ่อคูณ' พร้อมจัดงานพิธีฯเพลิงศพที่วัดบ้านไร่

'สุวัจน์' ระลึกคำสอน 'หลวงพ่อคูณ' พร้อมจัดงานพิธีฯเพลิงศพที่วัดบ้านไร่

"สุวัจน์" ให้สัมภาษณ์ถึงคำสอนของหลวงพ่อคูณ พร้อมจัดงานพิธีที่วัดบ้านไร่คู่ไปกับพิธีพระราชทานเพลิงสรีรสังขารหลวงพ่อคูณที่ จ.ขอนแก่น

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์วัดบ้านไร่ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ให้สัมภาษณ์ถึงคำสอนหลวงพ่อคูณ มรดกพินัยกรรมที่สำคัญอีกประการเนื่องในพิธีบำเพ็ญกุศลและพิธีพระราชทานเพลิงครูใหญ่พระเทพวิทยาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 22-29 มกราคม 2562

เมื่อถูกถามเรื่องพิธีที่จะจัดขึ้นที่วัดบ้านไร่ ซึ่งจัดพร้อมกับพิธีพระราชทานเพลิงที่จังหวัดขอนแก่น นายสุวัจน์ กล่าวว่า หลวงพ่อท่านได้เขียนพินัยกรรมไว้แล้วว่าให้ทุกคนทำอะไรบ้าง หลังจากที่ท่านละสังขารที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ไม่ได้มีพิธีใด ๆ มีเพียงการนำสรีรสังขารหลวงพ่อคูณไปที่ขอนแก่นเท่านั้น จะมีพิธีพระราชทานเพลิงในวันที่ 29 มกราคม และในฐานะที่ท่านเป็นครูใหญ่ รวมถึงความรัก ความอาลัยที่ประชาชนมีต่อท่าน คณะกรรมการวัดบ้านไร่จึงมีการจัดงานบำเพ็ญกุศล และงานวางดอกไม้จันทน์กับสรีระจำลองของหลวงพ่อคูณบนเมรุลอย 9 ยอด ในวันเดียวกับพิธีพระราชทานที่จังหวัดขอนแก่น ตลอดจนการบวชพระ กิจกรรมการจัดมวยที่ท่านชอบในวันที่ 29 มกราคมด้วย

งานนี้จะมีการเขียนภาพที่ระลึกเกี่ยวกับหลวงพ่อ 96 ภาพเท่ากับอายุของหลวงพ่อคูณของศิลปินทั่วประเทศ มีพิธีเปิดงานเชียนภาพ งานนิทรรศการเกี่ยวกับกิจกรรมที่แสดงถึงความเคารพต่อหลวงพ่อ นิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งที่หลวงพ่อสร้างไว้ เช่น งานทำนุบำรุงการศึกษา ศาสนา งานช่วยเหลือคนยากจนที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ตลอดระยะเวลาที่ท่านได้อยู่ในพระพุทธศาสนา

โดยจะมีมหรสพทุกวันตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม มีพิธีบวช พิธีเปิดนิทรรศการภาพ ส่วนงานสวดพระอภิธรรมจะมีช่วง 23-29 มกราคม วันละ 2 รอบ ช่วงเช้าเวลา 08.00 น. ช่วงค่ำเวลา 19.00 น. สวดมาติกาบังสุกุล พร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์ร่วมพิธีจำนวน 600 รูป โดยมีท่านเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอำเภอด่านขุนทดผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพฝ่ายสงฆ์ทุกคืนสวด ส่วนผู้รับประธานฝ่ายฆราวาสระบุตัวในนามศิษยานุศิษย์ของพระเทพวิทยาคม

นอกจากนี้ช่วงกลางคืนยังมีมหรสพ เช่น ลิเก เพลงโคราช เป็นมหรสพที่หลวงพ่อชอบ รวมถึงมวยไทยซึ่งหลวงพ่อชื่นชอบที่สุด เพราะเป็นของคนไทย จากนั้นวันที่ 29 มกราคม จะมีพิธีวางดอกไม้จันทน์ และวันที่ 30 มกราคม มีพิธีเก็บเถ้าจากหุ่นขี้ผึ้ง

สุวัจน์กล่าวต่อว่า เมื่อพูดถึงหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณไม่ใช่เฉพาะที่บ้านไร่หรือโคราช แต่เป็นหลวงพ่อคูณของคนไทย พุทธศาสนิกชน เพราะเป็นพระธรรมดาที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนนับถือ เคารพ รู้จักในความสมถะ แม้จะธรรมดา แต่เป็นความธรรมดาที่ยิ่งใหญ่

หากได้พูดคุยกับท่าน จะรู้ถึงความมีเมตตา อิริยาบถต่าง ๆ แสดงออกด้วยความเป็นกันเอง ท่านทำด้วยบุคลิคง่าย ๆ แต่คำสอนของท่านเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว แตะต้อง และสัมผัสได้


สิ่งสำคัญคือท่านเป็นพระที่มีแต่ให้ตลอดเวลา ท่านจะมอบเงินบริจาค จำนวนมาก โดยไม่เคยเก็บไว้เองเลย ท่านบอกว่าเงินที่ประชาชนถวายมาไม่ใช่เงินของท่าน ดังนั้นท่านจึงให้คืนไปทั้งหมด โดยเงินที่คืนนั้นนำไปเน้นทำประโยชน์หลายอย่าง เช่น การศึกษา โรงเรียน ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนยากจน การบูรณะชนบทให้ดีขึ้น ดังนั้นท่านจึงเป็นที่เคารพรักจากใจของประชาชน

ช่วงที่ท่านยังอยู่ วัดบ้านไร่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่พร้อมไปหา ไปคุย ไปให้ท่านให้น้ำมนต์ เคาะหัว ใส่ตะกรุด ไปฟัง ไปพูดคุยกับท่าน ท่านชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อรับรู้สถานการณ์ต่าง ๆ ของบ้านเมืองทุกเรื่อง เวลาที่ท่านได้คุยนายกรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภา ท่านจะพูดอยู่เสมอว่าวันนั้นไปคุยกับใครมา เล่าว่าประชาชนบอกอะไรบ้าง ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องอะไรอยู่ บางทีท่านจะให้คนเอาจดหมายมาให้ เสมือนเป็นสื่อกลางในการรับรู้สิ่งที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ท่านจะมีวิธีบอกให้สบายใจ พร้อมนำปัญหาเหล่านั้นไปบอกรัฐมนตรี ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ตำรวจ เพื่อเตรียมการแก้ไข

นายสุวัจน์ได้พูดถึงคำสอนของหวงพ่อคูณ ในเรื่องความไม่ประมาท โดยท่านกล่าวถึงการที่คนพกหลวงพ่อคูณแล้วไม่ตายว่า มันไม่เกี่ยวกัน คนที่รอดมาก็พูดได้ว่ารอดมาเพราะท่าน แต่คนที่ตายไปแล้วนั้นพูดไม่ได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือห้ามประมาท ถ้าไม่ประมาทแล้วไม่ต้องมีท่านก็ได้

สมัยก่อนหลวงพ่อท่านชอบนั่งหน้าคู่คนขับ โดยนั่งยองบนเบาะ ท่านให้เหตุผลไว้ว่า การนั่งหน้าทำให้ได้เห็นความเจริญของบ้านเมือง และจะเห็นความเร็วของรถ หากความเร็วเกิน 100 ท่านก็จะลง ไม่นั่งรถแล้ว ฉะนั้นท่านจะสอนในเรื่องของความไม่ประมาท ไม่ใช่ว่ามีท่านแล้วปลอดภัย มันไม่เกี่ยว ตราบใดที่เราไม่ประมาทเราก็จะปลอดภัยในทุก ๆ เรื่องของชีวิต

" อีกเรื่องคือการเป็นผู้ให้ ท่านบอกว่าอย่าให้เงินเป็นนายเรา หากถูกเงินครอบงำ จะทำให้ตกอยู่ภายใต้กิเลส เราต้องเป็นเจ้านายเงิน คือมีเงินแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์ มีแล้วให้ ยิ่งให้ก็ยิ่งมี เงินทองเป็นของนอกกาย มีเงินแล้วก็ไปทำประโยชน์ เสียสละ และไม่เป็นคนโลภ"

นายสุวัจน์เล่าต่อไปว่า หลวงพ่อคูณให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา เรื่องยาเสพติด ท่านจะพูดเรื่องยาเสพติด ว่ามาอีกแล้วหรือช่วงนี้เบาลง ท่านบอกว่ายาเสพติดทำลายอนาคตของชาติ ท่านไม่ชอบ แต่ท่านชอบเวลาเห็นการเอาจริงเอาจังจากหน่วยงานต่างๆ ในการจัดการกับเรื่องยาเสพติด

เมื่อครั้งที่ พล.อ.ชาติชายตั้ง มทส. ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรม ด้านช่าง เพื่อจะเน้นเรื่องการเป็นเจ้าของกิจการ การทำงานอุตสาหกรรม โดยเนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมาก อุปกรณ์ทันสมัย จึงมีปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียนตามมา พล.อ.ชาติชายจึงไปปรึกษาหลวงพ่อว่า สร้างมหาวิทยาลัยแล้ว อยากให้เด็กยากจนมีโอกาสเข้าไปเรียน หลวงพ่อบอกว่า ถ้าอย่างนั้นมาหาทุนกัน ท่านจึงเป็นประธานในการปลุกเสกสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ และท่านตั้งชื่อว่า “ทวีคูณ” เสมือนกับการให้การศึกษาแล้วก็จะทวีคูณทุก ๆ อย่างให้กับประเทศ ให้กับเด็กนักเรียน ให้กับชีวิตที่ดีขึ้น

โดยตอนนั้นได้เงินมา 20 กว่าล้าน หลวงพ่อตั้งเป็นทุนการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ พร้อมแบ่งเป็น 2 ทุน คือ 10 ล้านบาทเป็นทุนใน มทส. อีก 10 ล้านเป็นทุนหลวงข้างนอก ภายใต้มูลนิธิทวีคูณพัฒนา ในแต่ละปีจะเอาดอกเบี้ยมาทำเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียน จนวันนี้กว่า 20 ปีมาแล้ว หลวงพ่อเหมือนเป็นพระที่เป็นผู้ให้ในทุก ๆ เรื่อง

ส่วนหลังเสร็จสิ้นพิธีการนั้น หากใครอยากกลับมาหาหลวงพ่อก็ให้มาที่วัดบ้านไร่นี้ โดยช่วงที่หลวงพ่ออยู่ก็มีพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อ รวมถึงสิ่งที่หลวงพ่อสร้างไว้คือวิหารกลางน้ำ เป็นสถานที่รวบรวมประวัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาและหลวงพ่อคูณไว้ ทุกวันนี้เหมือนเป็นจุดท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง

" ตอนนี้คณะกรรมการวัดกำลังสร้างสิ่งหนึ่งที่จะรำลึกถึงหลวงพ่อเสมอ นั่นคือการสร้างหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 27 เมตร สูง 19 เมตร ตอนนี้มีพิธีเททององค์ต้นแบบไปแล้ว ผมเป็นประธานการเททอง เป็นสิ่งที่จะดำเนินการสร้างต่อ เป็นที่ยึดโยงความรู้สึกคนโคราชกับหลวงพ่อไว้" นายสุวัจน์ กล่าวในตอนท้าย