วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ม.ค.62)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (21 ม.ค.62)

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังโอเปคสร้างความเชื่อมั่นในการปรับลดกำลังการผลิต

+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เทกซัสปรับตัวเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 3 หลังผู้ผลิตกลุ่มโอเปคเปิดเผยโควต้าการปรับลดกำลังการผลิตรายประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับลดกำลังการผลิตอีก 6 เดือน ไปจนถึงเดือน มิ.ย. 62 ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

+ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนจาก 3.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567

+ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 18 ม.ค. 62 ได้ปรับลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 21 แท่น มาอยู่ที่ 852 แท่น เนื่องจากผู้ผลิตในสหรัฐฯ ชะลอการขุดเจาะน้ำมันดิบลง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงร้อยละ 25 ในปีก่อนหน้า

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2562 จะยังคงเติบโตที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากภาวะอุปทานล้นตลาด โดยปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในภูมิภาคและสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้จากอินโดนีเซียและมาเลเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระสูงสุดในรอบ 16 เดือน อย่างไรก็ตาม อุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังการปริมาณการส่งออกจากภูมิภาคปรับตัวดีขึ้น

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

            ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

            ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • จับตาสถานการณ์ในสหราชอาณาจักร หลังแผนการตกลง BREXIT ที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ถูกปฏิเสธโดยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งนับเป็นการพ่ายแพ้ด้วยคะแนนเสียง 202 ต่อ 432 ส่งผลให้ประเทศอังกฤษอาจต้องถอนตัวจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น หรืออาจยกเลิก BREXIT หากไม่สามารถเสนอแผน BREXIT ฉบับใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด
  • เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดโลกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจเผชิญหน้ากับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 11.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ โรงกลั่นในสหรัฐฯ ได้ปรับลดกำลังการกลั่นและมีแนวโน้มที่จะปรับลงอย่างต่อเนื่อง

---------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999