'ไอโอดี' เล็งขึ้นเครื่องหมายหุ้นที่ผู้บริหารถูก ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่ง

'ไอโอดี' เล็งขึ้นเครื่องหมายหุ้นที่ผู้บริหารถูก ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่ง

'ไอโอดี 'เผย กรรมการบจ.ต้องระมัดระวังการซื้อขายหุ้นที่เป็นกรรมการอยู่ ชี้ หากถูกก.ล.ต.ลงโทษ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัท เตรียมขึ้นเครื่องหมายดอกจันเหนือชื่อย่อหุ้นเพื่อเตือนผู้ใช้ข้อมูลคะแนน CGR ของบริษัทดังกล่าวควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) กล่าวถึงกรณีที่ ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ว่า กรรมการบริษัทจดทะเบียนต้องให้ความสำคัญกับเรื่องจริยธรรมของผู้นำองค์กร และต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่ตนเองเป็นกรรมการอยู่ โดยควรยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการด้วยความสุจริต เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว นอกจากจะเป็นเหตุให้ตัวผู้บริหารถูกเรียกให้ชำระค่าปรับมูลค่าสูง และถูกสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพลักษณ์ของบริษัท และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย

นอกจากนี้ กรณีที่เกิดขึ้นยังอาจจะส่งผลต่อการประเมินคะแนน CGR ของบริษัทในรอบหน้าด้วย โดยในเบื้องต้น IOD จะขึ้นเครื่องหมายดอกจันเหนือชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัทเพื่อแจ้งผู้ใช้ข้อมูลคะแนน CGR ของบริษัทในปีที่ผ่านมาว่าควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

อนึ่งวานนี้(18ม.ค.)สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (2) นางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และ (3) นางนฤมล ใจหนักแน่น กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 12 มกราคม 2559 นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนางนฤมล ใจหนักแน่น ร่วมกันซื้อขายหุ้น BA อย่างต่อเนื่องและจับคู่ซื้อขายหลักทรัพย์ BA ระหว่างกันเองในลักษณะอำพรางการซื้อขาย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น BA ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด


การกระทำของบุคคลทั้งสามเป็นความผิดตามมาตรา 243 (1) (2) ประกอบมาตรา 244 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 317/4 (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้งสามราย โดยกำหนดให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 499.45 ล้านบาท ซึ่งหากผู้กระทำความผิดทั้งสามรายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายปราเสริฐ นางสาวปรมาภรณ์ และนางนฤมล เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดทั้งสามราย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 และจะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือที่ ก.ล.ต. จะแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจดังกล่าวในขั้นตอนหลังจากนี้ต่อไป