กองปราบ แถลงจับ 'แก๊งสวมซากรถยนต์' นำมาดัดแปลงขายเต็นท์มือสอง

กองปราบ แถลงจับ 'แก๊งสวมซากรถยนต์' นำมาดัดแปลงขายเต็นท์มือสอง

กองปราบ แถลงจับ "แก๊งสวมซากรถ" พร้อมยึดของกลางรถยนต์ 30 คัน เครื่องยนต์ 18 เครื่อง และชิ้นส่วนอะไหล่อีก 291 ชิ้น เตือนปชช.เช็กขนส่งก่อนซื้อ

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 ที่กองบังคับการปรามปราบ (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผกก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลขบวนการสวมซากรถยนต์ พร้อมของกลาง รถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 30 คัน ซากรถยนต์จำนวน 4 คัน เครื่องยนต์จำนวน 18 เครื่อง ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ 291 ชิ้น ที่ตรวจยึดที่จังหวัดกาฬสินธุ์

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนายประเสริฐ ผู้เสียหายที่รถที่ถูกโจรกรรม ว่า รถยนต์ของตน ยี่ห้อ “ฟอร์ด” รุ่น Ranger สีน้ำเงิน ถูกโจรกรรมและนำไปสวมซาก โดยได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.พระประแดง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขยายผลและสามารถทลายขบวนการแก๊งสวมซากรถยนต์ได้ในที่สุด

พ.ต.ท.วิวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 20 กันยายน 2561 นายประเสริฐ ได้พบเห็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกับของตน และเชื่อว่าเป็นรถยนต์ของตนจอดอยู่ที่บริเวณกลางซอยรัชดา 36 แยก 9-1 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อเข้าไปสอบถามพบว่าผู้ครอบครองรถยนต์คือ นายหาญ (สงวนนามสกุล) ซึ่งนายหาญก็ได้แสดงหลักฐานกรรมสิทธิ์ถูกต้องตรงตามกับตัวรถยนต์คันดังกล่าว และก็ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน ได้เกิดข้อถกเถียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นทางชุด ศปจร.ก. จึงได้เข้าตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าภายในรถมีใบเสร็จส่งงวดรถของนายประเสริฐ ยังอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้ารถ พร้อมทั้งนายประเสริฐยังมีกุญแจสำรองมาเปิดรถยนต์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เชื่อว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายประเสริฐ

พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบขยายผลก็พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการใหญ่ โดยจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขบวนการหาซากรถยนต์ โดยหาจากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุและไม่ได้มีการไปแจ้งกรมขนส่งให้มีการหยุดการใช้รถ ขบวนการหารถที่ถูกโจรกรรม หนีไฟแนนซ์ และหนีภาษี ขบวนการสวมซากรถยนต์ และ ขบวนนำเข้าสู่ตลาดในการขายส่ง ซึ่งขบวนการดังกล่าวก็จะทำการซื้อรถหรือซากรถยนต์มาในราคาเพียง 100,000-200,000 บาท และนำมาประกอบใหม่ โดยไม่มีการจดทะเบียนที่ถูกต้อง ในราคา 500,000-600,000 บาท โดยใน 1 เดือนสามารถประกอบได้ 5-6 คัน ได้เงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ออกหมายเรียกนายทรงพล คุณรักษ์ พร้อมพวกอีก 6 ราย และอยู่ระหว่างขยายผลอีก 20 ราย ซึ่งมีความเชื่อมโยงทางการเงิน

พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองอยากให้ควรสืบประวัติให้ดีก่อน และไม่ควรซื้อด้วยเงินสด ควรจะซื้อผ่านไฟแนนซ์ นอกจากนี้หากมีการโอนเล่มทะเบียนก็ควรไปโอนด้วยตนเอง เพื่อให้ตรวจสอบว่ารถยนต์นั้น ๆ ได้เป็นรถที่ถูกต้องหรือไม่

นายประเสริฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 พี่ขายของตนได้ยืมรถไปใช้ ต่อมาเดือนมีนาคม 2561 ตนได้มาตามรถคืนแต่ไม่พบ ทราบเพียงว่าพี่ชายนำรถยนต์ไปจำนองและได้หลุดจำนองไปแล้ว กระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2561 ตนได้พบรถของตนจอดอยู่ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน ตนจึงได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พหลโยธิน แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวมีเอกสารครบ แต่ทางตนก็ยังยืนยันว่ารถเป็นของตนจึงได้เดินทางความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กระทั่งสามารถจับตัวการใหญ่ที่นำสวมซากและนำมาขายต่ออีกครั้ง

นายประเสริฐ เปิดเผยด้วยว่า มั่นใจว่ารถคันดังกล่าวเป็นของตน เนื่องจากว่าตนเป็นคนแต่งรถเองทั้งหมด ไฟด้านหน้ารถ และไฟตัดหมอก ตนเป็นคนเปลี่ยน และไฟด้านในเปลี่ยนใส่เป็นไฟ LED ทั้งหมด นอกจากนี้กระจกด้านหน้าและด้านหลังจะติดสติกเกอร์ตำรวจไว้อีกด้วย ตนอยากฝากเตือนไปยังประชาชน การซื้อรถยนต์มือสองสมัยนี้มีการตรวจสอบค่อนข้างยากเพราะหากตรวจสอบไม่ละเอียดก็จะพบว่าเอกสารทั้งหมดตรงกับรถยนต์ทั้งสิ้น อยากให้ใช้ความรอบคอบในการซื้ออย่างละเอียด