นครศรีฯ-สุราษฎร์ยังคงมีอุทกภัยจากพายุปาบึก คืบหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นครศรีฯ-สุราษฎร์ยังคงมีอุทกภัยจากพายุปาบึก คืบหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

กอปภ.ก. รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากพายุปาบึก ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลพายุโซนร้อน "ปาบึก" ส่งผลกระทบใน 23 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี รวม 25 อำเภอ 170 ตำบล 1,685 หมู่บ้าน  ซึ่ง กอปภ.ก.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมเน้นย้ำจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผู้อำนวยการกลาง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า  ตั้งแต่วันที่ 3 - 14 ม.ค.62 อิทธิพลจากพายุโซนร้อน  "ปาบึก" ส่งผลกระทบในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 113 อำเภอ 574 ตำบล 3,837 หมู่บ้าน/ชุมชน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 405 หลัง เสียหายบางส่วน 53,008 หลัง ประชาชนได้รับผลกระทบ 265,353 ครัวเรือน 884,642 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ 
นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี รวม 25 อำเภอ 169 ตำบล 1,683 หมู่บ้าน/ชุมชน แยกเป็น นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 23 อำเภอ 165 ตำบล 1,671 หมู่บ้าน/ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 199,864 ครัวเรือน 679,257 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย 
สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 17 อำเภอ 85 ตำบล 597 หมู่บ้าน/ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,713 ครัวเรือน 37,857 คน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอเคียนซา รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน/ชุมชน 120 ครัวเรือน 370 คน ปัจจุบันฝนหยุดตกแล้ว 
ทั้งนี้ กอปภ.ก.โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ ตลอดจนเน้นย้ำจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเร่งด่วนใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการดำรงชีพ เน้นการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนที่เสียหาย ด้านการประกอบอาชีพของประชาชน โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ที่เสียหาย ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบ่งมอบพื้นที่ปฏิบัติงานและร่วมกันซ่อม/สร้างที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป