เอไอ-ระบบอัตโนมัติ ซิวแชมป์ลงทุนไอทีองค์กร

เอไอ-ระบบอัตโนมัติ  ซิวแชมป์ลงทุนไอทีองค์กร

ปีนี้ 60% ขององค์กรจะมีการกำหนดกลยุทธ์ด้านเอไอ

ช่วงปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของผู้เล่นในสมรภูมิเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ระบบงานอัตโนมัติ การจัดการข้อมูล และบล็อกเชน ต่างต้องฟันฝ่าอุปสรรค และความท้าทายจำนวนมากตลอดเส้นทาง

ท้ายที่สุดแม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ทว่าเมื่อพิจารณาในภาพรวมกลับยังไม่มีเทคโนโลยีใดเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศ เกิดคำถามคือเมื่อเข้าสู่ปี 2562 ทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป

'เอไอ'ฝังตัวในทุกแอพ

พัสน์นันท์ จมูศรี ผู้อำนวยการฝ่ายคลาวด์แพลตฟอร์ม บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในมุมมองของออราเคิลการใช้งานเอไอจะเป็นไปอย่างเงียบๆ และด้วยความระมัดระวัง ขณะเดียวกันจะโดดเด่นและมีประโยชน์มากหากบริษัทต่างๆ ศึกษาเทคโนโลยีนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนนำไปประยุกต์ใช้

ผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับไอซีทีระดับองค์กร ของ Ovum ชี้ว่า ในปี 2562 ราว 60% ขององค์กรจะมีการกำหนดกลยุทธ์ด้านเอไอที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วทั้งองค์กร 

ออราเคิลเองคาดการณ์ไว้ด้วยว่า จะมีบริษัทจำนวนมากที่แสวงหาวิธีการที่เหมาะสมในการใช้เอไอในเชิงธุรกิจ โดยแนวทางที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การนำเอไอไปฝังตัวไว้ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ

ปี 2562 มีการคาดการณ์ว่าจะมีการสร้างข้อมูลมากกว่าที่เคยสร้างมาตลอด 5,000 ปีก่อนหน้านี้ ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ต้องเผชิญความท้าทายว่าจะบริหารจัดการ และใช้งานข้อมูลที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดได้อย่างไร เพื่อให้เกิดกระบวนการและการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็น ที่จะช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นมากขึ้น

"การนำเอไอฝังตัวไว้ในแอพพลิเคชั่นจะช่วยให้องค์กรสามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องกลัวว่าหุ่นยนต์จะครองโลกทั้งยังช่วยให้เอไอเข้าไปทำงานอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานไอที และใช้อย่างแพร่หลายในระบบงานธุรกิจทั้งหมด จากนี้แอพพลิเคชั่นที่ใช้กับระบบงานแบ็คออฟฟิศแบบเดิมๆ จะกลายเป็นสิ่งล้าสมัย และกำลังถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยนวัตกรรมที่ใช้กับระบบงานส่วนหน้าหรือฟร้อนเอ็นต์ และระบบงานอัตโนมัติที่รองรับการทำงานเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง"

อย่างไรก็ดี หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการใช้เอไอในธุรกิจคือ ศักยภาพมหาศาลที่ช่วยให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผลสำรวจของออราเคิลเมื่อไม่นานมานี้พบว่าผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจในองค์กรต่างๆ ทั่วโลก 42% ล้วนพิจารณานำเอไอมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพในองค์กรของตนแล้ว

ออราเคิลคาดว่า ภายในปี 2568 เทคโนโลยีเอไอจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลทางธุรกิจได้ถึงระดับ 50% เมื่อเทียบกับการดำเนินงานในปัจจุบัน

ทุกอย่างต้อง'อัตโนมัติ'

การ์ทเนอร์  คาดการณ์ว่าภายในปี 2565 บริษัทราว 90% จะมีกลยุทธ์ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญอย่างยิ่งขององค์กร ดังนั้นระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะกลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กร 

ทั้งนี้การที่ปริมาณของข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่มากเกินกว่าที่บุคลากรจะสามารถจัดการได้ จึงจำเป็นต้องแสวงหา และใช้แนวทางการทำงานใหม่ๆ ซึ่งองค์กรธุรกิจเริ่มที่จะตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงความสามารถด้านการจัดการข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการลงทุนด้านเอไอและอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที

“เป็นเรื่องที่เราควรคิดว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดขึ้นบ้าง หากระบบบริหารจัดการข้อมูลซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนและแยกแยะข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมากให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นระบบที่สามารถทำงานได้เอง ซ่อมแซมตัวเองได้ มีความปลอดภัยในตัวเอง และมีวิธีการใช้งานได้อย่างง่ายดายเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ”

ออราเคิล ระบุว่าระบบงานอัตโนมัติจะเริ่มแผ่ขยายเข้าสู่ทุกส่วนของธุรกิจ โดย 70% ของงานไอทีจะเป็นแบบอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถจัดสรรบุคลากรให้กับงานสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจ แทนที่จะต้องใช้เวลาทำงานหลายพันล้านชั่วโมงในแต่ละปีไปกับงานประจำที่ซ้ำซาก และงานไอทีที่น่าเบื่อ

ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า จำนวนเหตุการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น 100 เท่า ดังนั้นงานหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยก็จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบอัตโนมัติเช่นกัน 

รายงานความเสี่ยงและการปรับใช้ระบบคลาวด์ (Cloud Adoption and Risk Report) ประจำปี 2562 ของแมคอาฟี่ระบุว่า โดยเฉลี่ยพบว่ามีเพียง 1 เหตุการณ์ใน 100 ล้านเหตุการณ์เท่านั้น ที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากเหตุการณ์มีจำนวนมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้บุคลากรไปงมเข็มในมหาสมุทรโดยไม่ใช้ระบบอัตโนมัติ

อีกขั้นการใช้‘บล็อกเชน’

เขากล่าวว่า ประสบการณ์ของลูกค้าและระบบงานอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป จากนี้มีความเป็นไปได้ว่า 70% ของการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจะใช้ระบบอัตโนมัติ มากกว่านั้นแชทบอท (Chatbot) ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอจะเปิดศักราชใหม่ของการให้บริการแก่ลูกค้า 

ผลสำรวจระบุว่า ปัจจุบัน 89% ใช้โปรแกรมผู้ช่วยดิจิทัลที่สั่งงานด้วยเสียงเพื่อให้บริการลูกค้า และ 69% ของงานบริการลูกค้าในองค์กรใช้แชทบอทเพื่อเพิ่มความสะดวกและราบรื่นในการติดต่อสื่อสารทุกที่ทุกเวลา ในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวจะเริ่มเปลี่ยนจากการเป็นสิ่งที่มีก็ดี ไปสู่การเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังในระดับพื้นฐานในเกือบทุกวงการ ออราเคิลจึงคาดการณ์ว่า 85% ของการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งหมดจะเป็นแบบอัตโนมัติ

อีกประเด็นน่าสนใจ แม้ว่าเทคโนโลยีหน้าใหม่ที่ลงสนามการแข่งขันอย่างบล็อกเชน อาจเสียเครดิตไปบ้างจากกรณีที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัลเช่น บิตคอยน์ ทว่ายังจะได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในแวดวงธุรกิจ และจะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่รองรับความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2562 เนื่องจากหลายๆ องค์กรเริ่มตระหนักว่าสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ในงานด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจสอบรับรองธุรกรรมทางการเงิน

“เราจะได้เห็นการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนในบริบทที่กว้างขวางมากขึ้น โดยจะค่อยๆ แผ่ขยายเข้าสู่ระบบงานธุรกิจทั่วไป ผสานรวมเข้ากับแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจอย่างกลมกลืน”

เขากล่าวว่า เทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะมีอนาคตที่สดใสในช่วงปี 2562 ได้เห็นการใช้งานอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมในบางอุตสาหกรรม ทว่ายังจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ อย่างไร