นัดฟ้อง 'มานพ' พ่ออดีตกก.เพื่อไทย ฟอกเงินกรุงไทย30ม.ค.นี้

นัดฟ้อง 'มานพ' พ่ออดีตกก.เพื่อไทย ฟอกเงินกรุงไทย30ม.ค.นี้

รองโฆษกอัยการ เผยหาก "มานพ ทิวารี" ยังเบี้ยวนัดส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ เอี่ยวรับโอนเงินทุจริตกู้แบงก์ แจ้ง DSI ออกหมายจับ เหมือนกาญจนภา-วันชัย ขณะที่ "โอ๊ค" บินร่วมงานแต่ง "อุ๊งอิ๊งค์" ได้ ต้องกลับรายงานตัวศาลทัน 26 มี.ค.

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยถึงรอส่งตัวฟ้อง นายมานพ ทิวารี บิดาของ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินรับโอนเงินที่ได้จากการอนุมัติสินเชื่อระหว่าง ธ.กรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานครโดยมิชอบว่า หลังจากที่คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษก็มีความเห็นสั่งฟ้องนายมานพ พร้อมกับนางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) และนายวันชัย หงษ์เหิน (สามีของนางกาญจนาภา) ซึ่งในส่วนของนายมานพนั้นให้มาพบกับอัยการในวันที่ 29 พ.ย.61 เพื่อจะยื่นฟ้อง แต่ขณะเดียวกันนั้นนายมานพ ก็ได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บริหารสำนักงานอัยการสูงสุด แต่คณะทำงานอัยการพิจารณาแล้วก็มีความเห็นยืนยันสั่งให้ฟ้อง โดยอัยการกำหนดนัดให้นายมานพ มาพบในวันที่ 30 ม.ค.62 นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อจะนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งอัยการได้แจ้งด้วยว่าหากไม่มาพบตามเวลาที่นัดหมายก็จะพิจารณาให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการตามขั้นตอนขอออกหมายจับที่จะติดตามตัวมาฟ้อง

สำหรับนางกาญจนาภา และ นายวันชัย สามี (อัยการมีคำสั่งให้ฟ้องข้อหาร่วมฟอกเงินและสมคบฟอกเงินในการรับโอนเช็คจำนวน 26 ล้านบาท) ก่อนหน้านี้ทางคณะทำงานอัยการฯ ก็แจ้งให้ดีเอสไอติดตามตัวทั้งสองมาฟ้องแล้ว ซึ่งมีการให้ออกหมายจับทั้งสองแล้ว ก็ต้องรอการติดตามหาตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาส่งฟ้องศาลภายในอายุความต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีสมคบฟอกเงิน ที่เกี่ยวกับการโอนและรับโอนเงินซึ่งเกี่ยวข้องการทุจริตปล่อยกู้ของ ธ.กรุงไทยฯ กับเครือข่ายธุรกิจกฤษดามหานครนั้น ก่อนหน้านี้ อัยการได้ยื่นฟ้องไปแล้ว 2 สำนวน สำนวนแรกส่วนของผู้โอน คือกลุ่มธุรกิจกฤษดามหานคร ซึ่งได้ยื่นฟ้องนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 79 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับพวกรวม 6 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.61 เป็นคดีหมายเลขดำ อท.214/2561 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฯ มาตรา 4 , 5 , 9 , 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 จากกรณีระหว่างวันที่ 11 ก.ย.46 ธ.ค.47 เมื่อมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธ.กรุงไทยฯ ผู้เสียหายให้กับ บมจ.กฤษดามหานครและบริษัทในเครือโดยมิชอบแล้ว จำเลยกับพวกอีกหลายคนสมคบกันฟอกเงินที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 10,400,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) นั้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนายวิชัย ผู้บริหารกฤษดามหานคร ก็ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำฯ

สำนวนที่ 2 กลุ่มรับโอนเงิน ที่ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้หรือโอ๊ค ชินวัตร (บุตรชายคนโตอายุ 38 ปีของอดีตนายกฯทักษิณ) ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60ฐานสมคบฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินรับโอนเช็ค 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 ซึ่งศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.245/2561 และได้นัดตรวจเอกสารหลักฐานต่อเนื่องในเดือน ม.ค.62 เม.ย.62 โดยจะนัดตรวจหลักฐานทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ขณะที่ โอ๊ค-พานทองแท้ ได้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาท ซึ่งศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนที่มีข่าวว่า โอ๊ค-พานทองแท้ เตรียมจะเดินทางไปร่วมการแต่งงานของน้องสาวคนเล็ก น.ส.แพทองธาร หรืออุ๊งอิ๊งค์ ที่ต่างประเทศ ในเดือน มี.ค.62 นี้ ทีมทนายความก็ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง แล้วเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้นายพานทองแท้ จำเลย เดินทางออกนอกประเทศ โดยนายพานทองแท้ มีกำหนดที่จะต้องเดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลภายในวันที่ 26 มี.ค.นี้หลังจากเดินทางไปร่วมงานแต่งงานดังกล่าว