‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.92 บาทต่ดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.92 บาทต่ดอลลาร์

เฟดขึ้นดอกเบี้ยช้า กดดอลรลาร์อ่อนค่าลงทันที เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าตามภูมิภาค

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.92 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ในปิดตลาดสิ้นวันก่อนหน้านี้

ในคืนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน หลังจากที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชี้ว่าคณะกรรมการ “หลายท่าน” มีความเห็นว่าเฟดควรขึ้นดอกเบี้ยต่ออย่างใจเย็น เนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐมีมากกว่าที่เคยประเมินไว้

นอกจากนี้ คณะกรรมการบางท่านก็ถึงกับให้ความเห็นว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อไป อาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เศรษฐกิจต้องเข้าสู่ภาวะทดถอย ตลาดจึงตีความว่าเฟดมีมุมมองที่ผ่อนคลายลงมาก

ทิศทางของนโยบายการเงินสหรัฐ  ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงทันที 0.8% โดยเงินยูโรปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1.15 ดอลลาร์ต่อยูโร เงินเยนก็ขยับแข็งค่าลงไปที่ระดับ 108.05 เยนต่อดอลลาร์ และบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลง 2bp ไปที่ระดับ 2.72%

ภาพตลาดดังกล่าว ถือว่าเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ความผันผวนที่ลดลงพร้อมกับราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวก็ยิ่งหนุนให้การลงทุนมีความน่าสนใจขึ้นด้วย

ในส่วนของค่าเงินบาท ช่วงนี้มีโอกาสแข็งค่าได้ตามทิศทางของสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ขณะที่ในอนาคต ถ้าจีนและสหรัฐสามารถหาข้อตกลงทางการค้ากันได้จริงในปีนี้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้สกุลเงินเอเชียและเงินบาทแข็งค่าต่อได้ด้วยเช่นกัน

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า  ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์(DXY) ปรับตัวลงใกล้ระดับ 95.15จุด หลังรายงานการประชุมเดือนธันวาคมของเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะสามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้ ท่ามกลางปัจจัยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินสหรัฐฯ

นอกจากนี้ แนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันยังส่งผลให้ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ ถึงแม้ว่ารายงานการประชุมของเฟดจะระบุว่าเฟดมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

ดังนั้นการปรับตัวขึ้นของตลาดอาจจะตั้งอยู่บนความหวังของการเจรจาการค้าและแนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดอาจจะพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงได้รวดเร็ว หากการเจรจาการค้าไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่ลงสอดคล้องกับมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจของเฟด นักลงทุนและผู้ประกอบการจึงควรเตรียมรับมือกับแนวโน้มตลาดการเงินที่อาจผันผวนสูงขึ้น

สำหรับวันนี้ นอกเหนือจากรายงานการประชุมเดือนธันวาคมของเฟด ตลาดจะจับตารายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางยุโรปเพื่อหาสัญญาณการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปได้ยุติการอัดฉีดเงินผ่านโครงการซื้อสินทรัพย์หรือคิวอี

อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ว่ามุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรปจะคล้ายกับมุมมองของเฟด นั่นคือปัจจัยความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางยุโรปอาจจะไม่เร่งรีบที่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึงหากมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยและมุมมองเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรปมีการปรับเปลี่ยน อาจส่งผลต่อค่าเงินยูโรได้(หากมองชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและเศรษฐกิจแย่ลง อาจกดดันยูโรอ่อนค่าลง)

นอกจากนี้ตลาดจะจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดผ่านถ้อยแถลงหนึ่งในคณะกรรมการFOMC อย่าง Fed Barkin

มองเงินบาทวันนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์