น้ำมันดิบทะยาน5%จากแรงหนุนคืบหน้าเจรจาการค้า

น้ำมันดิบทะยาน5%จากแรงหนุนคืบหน้าเจรจาการค้า

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดตลาดวันพุธ (9ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ทะยาน 5% ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ถือเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2560 แม้มีการรายงานการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐ

 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.58 ดอลลาร์ หรือ 5.2%  ปิดตลาดที่ราคา 52.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่งทะลุ 51 ดอลลาร์  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.3 % ปิดที่ 61.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 8.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะประสบความคืบหน้า

คณะเจรจาการค้าของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ว่า จะรายงานผลการเจรจาการค้ากับจีนต่อทำเนียบขาว เพื่อรับทราบนโยบายสำหรับการเจรจากับจีนต่อไป แต่คณะเจรจาการค้าของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยผลการเจรจาการค้ากับจีน หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้

แถลงการณ์ ระบุว่า ในการเจรจา เจ้าหน้าที่ได้หารือเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับโครงสร้างของจีนในด้านที่เกี่ยวกับการโจรกรรมในโลกไซเบอร์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่มีการหารือถึงคำมั่นสัญญาของจีนในการซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐในด้านการเกษตร พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตและบริการ

ขณะเดียวกัน นายซูฮาอิล อัล มาสรูเอ รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอดีตประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กล่าวว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น กำลังเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมัน