ศาลอาญารับฝากขัง หนุ่มฆ่ารัดคอนักธุรกิจร้านนวดแผนไทยเสียชีวิต

ศาลอาญารับฝากขัง หนุ่มฆ่ารัดคอนักธุรกิจร้านนวดแผนไทยเสียชีวิต

ตร.ดอนเมือง คุมตัวฝากขังหนุ่มฆ่ารัดคอนักธุรกิจร้านนวดแผนไทยเสียชีวิต พร้อมค้านประกัน

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.62 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.00 น.เศษ ร.ต.อ.นที จันทรา พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้ควบคุมตัว "นายอธิพันธ์ พิมพ์เรือง" อายุ 34 ปี ชาวกทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 16/2562 ลงวันที่ 6 ม.ค.62 คดีใช้สายไฟรัดคอนักธุรกิจร้านนวดแผนไทยเสียชีวิต มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 -20 ม.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก และรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาด้วย โดยการยื่นฝากขังพนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วยเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากปล่อยตัวแล้วผู้ต้องหาจะหลบหนี โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.62 เวลาประมาณ 13.43 น.นางปาริชาต ปัญญายงค์ น้องสาวของผู้ตาย คือนายปรัชญา อำนรรฆมณี 59 ปี นักธุรกิจหุ้นส่วนร้านนวดแผนไทยย่านพหลโยธิน ได้ตรวจพบว่า มีไลน์ของพี่ชาย ส่งมายังไลน์ของมารดา โดยปรากฎข้อความทำนองว่า “มาเที่ยวพัทยา แล้วกระเป๋าสตางค์หายให้แม่ช่วยโอนเงินให้ จำนวน 30,000 บาท แต่ไม่ได้บอกหมายเลขบัญชี” ซึ่งมารดาเห็นข้อความรู้สึกผิดปกติไม่น่าที่จะใช่บุตรชายเป็นผู้ส่งมา จึงได้โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ขอวบุตรชายในเวลา 20.00 น. โดยมีเสียงของผู้ชายรับสายบอกว่า “พี่โจ้ ไม่อยู่ ออกไปซื้อของ เดี๋ยวจะให้โทรกลับ” แล้วมีการส่งไลน์ไปยังเครื่องของมารดากลับไปอีกว่าขอเงิน 10,000 บาทก่อนก็ได้ ต่อมาญาติผู้ตาย จึงเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดอนเมืองว่า นายปรัชญาน่าจะหายตัวไป ไม่สามารถติดต่อ ซึ่งระหว่างนั้นวันที่ 4 ม.ค.เวลาประมาณ 14.41 น.โทรศัพท์ของนายปรัชญา ได้โพสต์ข้อความในหน้าทามไลน์ว่า ไปซื้อของขวัญให้ตัวเอง เป็นโทรศัพท์ซัมซุงกับทอง แล้วต่อมาวันที่ 5 ม.ค. เวลา 10.00 น.โทรศัพท์มือถือของนายปรัชญา ยังได้โพสต์ข้อความในหน้าทามไลน์อีกว่า ชวนทำบุญสร้างโบสถ์ จึงได้ให้เพื่อนส่งข้อความขอร่วมทำบุญด้วย จากนั้นวันเดียวกันเครื่องโทรศัพท์ของนายปรัชญาก็ได้ส่งข้อความ ไปยังในแชทส่วนตัวของเพื่อนเมื่อเวลา 17.10 น. โดยส่งหมายเลขบัญชีให้โอนเงินไป เป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของนายอธิพันธ์ พิมพ์เรือง ผู้ต้องหานี้

ขณะที่ภายหลังแจ้งความแล้ว น้องสาวผู้ตายและตำรวจสายตรวจิพร้อมช่างทำกุญแจ ได้ทำการเปิดห้องพักของนายปรัชญา ที่ชั้น 8 คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ย่านวิภาวดีฯ ที่เกิดเหตุพบว่าห้องโถงด้านนอกเปิดไฟและเปิดแอร์พบนายปรัชญา ผู้ตายสภาพนอนคว่ำหน้าศีรษะห้อยลงไปข้างเตียงด้านทิศตะวันออก (เตียงหันหัวไปทางทิศเหนือ) โดยมีสายไฟฟ้ารัดอยู่บริเวณลำคอ ส่วนร่างกายยังอยู่บนเตียง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์พบว่า นายปรัชญา เสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 3 วัน เนื่องจากขาดอากาศหายใจ จากการถูกสายไฟฟ้ารัดคอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสืบสวนหาพยานหลักฐานเชื่อว่านายอธิพันธ์ ผู้ต้องหาเป็นคนก่อเหตุ

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ม.ค.62 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ต้องหาหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณ บีซีแมนชั่น ห้อง 201 ถ.พหลโยธิน ซอยพหลโยธิน 50/4 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว พร้อมแสดงหมายจับของศาลอาญา และทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง รถยนต์ทะเบียน 5 กญ-8068 กทม.ราคา 1 ล้านบาท ,โทรศัพท์มือถือยี่ห้องวีโว่ จำนวน 1 เครื่อง,แหวนทับทิมล้อมเพชร จำนวน 1 วง ราคา 100,000 บาท,กระเป๋าสตางค์และสมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชีของนายปรัชญาพร้อมบัตรเอทีเอ็ม รวมราคาทรัพย์ทั้งหมด 1,108,500 บาท โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น , ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , มาตรา 339 นอกจากนี้ยังได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาด้วย ซึ่งพบสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(เมทแอมเฟตามีน) เหตุเกิดที่ห้องพักคอนโดมีเนียม ชั้น 8 ย่านวิภาวดี แขวงและเขตดอนเมือง กทม.และบริเวณบีซี แมนชั่น ห้อง 201 ถ.พหลโยธิน ซอยพหลโยธิน 50/4 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง