'สุดารัตน์' พร้อมเลือกตั้ง24มี.ค. ปัดปิดทาง 'ชัชชาติ' ชิงนายกฯ

'สุดารัตน์' พร้อมเลือกตั้ง24มี.ค. ปัดปิดทาง 'ชัชชาติ' ชิงนายกฯ

พลพรรค "เพื่อไทย" ลุยหาเสียงช่วย "หมวดเจี๊ยบ" ชิงส.ส.กทม.เขต 8 ด้าน "สุดารัตน์" พร้อมเลือกตั้ง24มี.ค. ปัดปิดทาง "ชัชชาติ" ชิงนายกฯ

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง เขต 8 กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง เขต 8 กทม. ลาดพร้าว-วังทองหลาง พร้อมแนะนำตัวผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเขต 8 ร.ท. (หญิง) สุณิสา ทิวากรดำรง หรือหมวดเจี๊ยบ

โดยมีอดีตรัฐมนตรีและสมาชิกพรรค มาร่วมงานและแสดงความยินดีคับคั่ง อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พม. , นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค , น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน อดีต ส.ส.ลาดพร้าวหลายสมัย และอดีตเลขานุการ รมว.ต่างประเทศ

ขณะที่ภายหลังเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้งแล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ได้ปราศรัยต่อประชาชนในพื้นที่ที่มาร่วมงาน ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจว่าเรายังจะทนกับ 4 ปีกว่าที่ผ่านมาที่การค้าขายก็ทำได้ไม่ดี และพี่น้องต้องเกิดความยากลำบากหรือไม่ โดยตอนนี้เราเหมือนอยู่ห้องรมควันกุญแจดอกเดียวที่จะไขออกได้คือพรรคเพื่อไทย และในเขตนี้คนถือกุญแจ คือ ร.ท. (หญิง) สุณิสา

ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ประชาชนออกมาใช้เสียงให้มากกว่าที่นายกรัฐมนตรี มีเสียง ส.ว.ตุนไว้แล้ว 250 เสียง พี่น้องต้องตัดสินใจให้ดีว่า จะอยู่แบบนี้ไปอีก 4 ปีหรือ 8 ปี หรือไม่ แต่พรรคเพื่อไทยที่ผ่านมาเมื่อเราเข้ามาเราก็ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นทุกครั้งการค้าขายดีและเราคำนึงถึงคนตัวเล็ก เช่นเกษตรกร ทำให้สินค้าผลผลิตทางการเกษตร คนขายข้าวแกง ดีขึ้น โรงงานก็ผลิตสินค้าได้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะพาไปสู่ความหวังใหม่ อนาคตที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังอวยพรปีใหม่ ขอให้ทุกคนสุขกายสบายใจ สมหวังทุกประการ ให้เดินหน้าสู่อนาคตใหม่ที่มีความหวัง นำความสุข นำเงินในกระเป๋าของพวกเรากลับคืนมา พร้อมทั้งระบุว่าเสียใจที่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำหน้าที่ ไม่ได้ดูแลพี่น้องประชาชน จึงไม่ได้คืนความสุขที่แท้จริงให้ประชาชน ดังนั้นวันนี้จึงขอโอกาสให้พรรคได้กลับมาดูแลประชาชนอีกครั้ง

คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสการเลื่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปว่า หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก็ไม่ส่งผล กระทบต่อพรรคเพื่อไทยเพราะเรามีความพร้อม ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าลง เราก็ไม่มีปัญหาเพราะทำงานมาต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมเรื่องของการลงพื้นที่ , นโยบายพรรค , ยุทธศาสตร์ของพรรคที่มีการ เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใดเราก็มีความพร้อม ตอนนี้ก็ขอทำงานไปเรื่อยๆก่อน ส่วนความชัดเจนในเรื่องของนโยบายพรรคนั้น เรามีแผนงานของเรา โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิดแคมเปญแรกไปแล้ว ซึ่งได้ชี้ให้เห็นว่าปัญหาของประชาชนตอนนี้มีความยากลำบากอย่างไรจากการบริหารงานในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขเศรษฐกิจจากหน่วยงานรัฐที่ผ่านมาและหน่วยงานอื่นๆ ทำให้เราเห็นว่าเราต้องแก้ไขปัญหาตรงไหน เพราะที่ผ่านมามีความล้มเหลวและล้าหลัง เป็นการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เศรษฐกิจตกลงมากและคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องยากลำบาก มีเพียง 1 % เท่านั้นที่ร่ำรวยมากขึ้น ซึ่งทุกข์ของประชาชนตรงนี้ทางพรรคเพื่อไทยมีทางที่จะสร้างรายได้ให้กับประชาชน และขอให้ความมั่นใจว่าเรามีคนที่มีประสบการณ์ถึง 17 ปี

รวมทั้งยังมีประสบการณ์ของคนทำงานเช่นตน ก็มีประสบการณ์ทำงานมา 26-27 ปีแล้ว มั่นใจว่าปัญหาของประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ จะมีคนที่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาได้ ส่วนนโยบายของพรรคยังไม่รีบเปิดมากนัก เพราะเรามองเห็นว่าทุกพรรคก็ออกนโยบายลดแลกแจกแถม แต่ในส่วนของพรรคอยากให้ประชาชนยืนด้วยขาของตนเองได้อย่างยั่งยืนและถาวร และทุกนโยบายที่ทำต่อเนื่องมา 17 ปีก็จะเป็นนโยบายที่ทำให้คนมีงานและมีอาชีพ สร้างโอกาสให้คน ซึ่งนโยบายที่เราจะออกก็จะทำให้เกิดความยั่งยืนในการสร้างโอกาสและสร้างรายได้โดยเฉพาะการที่เรามีทรัพย์สินของโลกยุคใหม่คือเรื่องของเทคโนโลยีและองค์ความรู้ เราจึงออกสโลแกนว่าเราจะผลักดันให้เกิดการคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่ให้มาเป็นโอกาสของคนไทย ดังนั้นช่วงนี้แคมเปญของพรรคคือการชี้ให้เห็นของทุกข์คนทั่วไป

เมื่อถามว่า หลังประกาศ พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งนโยบายของพรรคจะมีความชัดเจนใช่หรือไม่ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ใช่แน่นอน เพราะตอนนี้พรรคมีนโยบายไว้หมดแล้ว โดยเราได้วางช่วงของเราเองในการทำแคมเปญไว้ว่าวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมาเราก็ได้เปิดแคมเปญแรกไปแล้วและระหว่างนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการตามขั้นตอนของแคมเปญแรก ซึ่งเราก็ต้องดูว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใดหลังจากนั้นเราก็จะเปิดนโยบายต่อไป ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปหาพี่น้องประชาชนก็ได้มีการสอบถามถึงปัญหาต่างๆ เพื่อดูว่าข้อเท็จจริงในพื้นที่เป็นอย่างไรและตัวเลขเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะทำให้คนไทยหายจากทุกข์ได้ ซึ่งเราจะดูช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปิดนโยบายต่อไป เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทยถูกโจมตีเรื่องวินัยการเงินการคลัง

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า หากเปรียบเทียบแล้ววินัยการเงินการคลังกับการดำเนินการในรัฐบาลปัจจุบันก็มีปัญหา ซึ่งน่าจะมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา บางครั้งเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่การโจมตีเลขส่วนในข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไรเรามีตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครใช้เงินแบบไม่มีวินัยการเงินการคลัง ซึ่งที่ตนพูดเพียงให้ได้คิดว่าคนที่มากล่าวหานั้นนั้นท้ายที่สุดก็ไม่มีวินัยการเงินการคลังมากกว่าด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่สำคัญคือเราให้คำสัญญาว่า เราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังอย่างแน่นอนและนโยบายยพรรคที่จะได้เห็นนั้นก็จะแตกต่างกับนโยบายที่กำลังพยายามลดแลกแจกแถม ที่เคยบอกว่าประชานิยมไม่ดีแต่ก็ทำยิ่งกว่าประชานิยม อย่างน้อยนโยบายใน 17 ปีที่เราเคยทำนั้นเราไม่เคยแจกเงินแบบได้เปล่า โดยที่ไม่สร้างให้เกิดรายได้ ซึ่งตนขอยืนยันว่าเราจะใช้เงินอย่างชาญฉลาดและทุกเม็ดเงินที่เราใส่ลงไปต้องกลับมาสร้างรายได้และสร้างสินทรัพย์ใหม่ให้กับประชาชน เราจะแก้หนี้สินได้ด้วยการสร้างรายได้

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งที่จะเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 24 มี.ค. มีความเหมาะสมหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า รอฟังอยู่หากมีการเลือกตั้งเมื่อใด เราก็มีความพร้อม

เมื่อถามถึงกรณีที่อาจจะมีการเสนอชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม ร่วมชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนเป็นคนเชิญชวนนายชัชชาติเข้ามาทำงานที่พรรค ซึ่งเป็นคนที่ทำงานได้ดี ขณะนี้เราก็ทำงานด้วยกันเป็นทีมที่มีหลายคน โดยทีมเศรษฐกิจของพรรคล้วนมีแต่คนที่มีประสบการณ์ อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คลัง นายปบอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.เกษตรฯ ที่จะช่วยดูแลเรื่องการยกระดับรายได้ขั้นพื้นฐานโดยโดยในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ตนจะเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งว่าจะมอบหมายให้ใครดูแลเรื่องอะไรบ้าง

เมื่อถามย้ำว่า พรรคยังไม่ได้สรุปว่าจะเสนอนายชัชชาติ เป็นเบอร์หนึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ในความคิดของตนคิดว่านายชัชชาติเป็นคนที่มีความสามารถ เราจึงเชิญมาร่วมเป็นทีมงาน โดยตนเป็นคนไปเชิญมาเองเหมือนที่ไปเชิญนายกิตติรัตน์และอีกหลายคน โดยตนคิดว่าเหมาะสมที่เราจะฉายภาพการทำงานแบบเป็นทีม ส่วนจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่มีปัญหา เพราะเราสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้พรรคประสบความสำเร็จในการทำงานและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ปิดทางหากพรรคจะสนับสนุนนายชัชชาติขึ้นบัญชีเป็นนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เมื่อตนเป็นคนเชิญและสนับสนุนให้นายชัชชาติเข้ามา ก็งงว่าถ้าจะไปปิดทางนายชัชชาติแล้วเชิญเขาเข้ามาทำไม