รวบผตห.4คดีสำคัญ เน็ตไอดอลโกงแชร์-แอบอ้างอจ.หลอกจัดหางาน

รวบผตห.4คดีสำคัญ เน็ตไอดอลโกงแชร์-แอบอ้างอจ.หลอกจัดหางาน

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงผลการจับกุม 4 คดีสำคัญ รวบเน็ตไอดอลโกงแชร์ , อ้างอาจารย์หลอกจัดหางาน , แก๊งขอทานแดนมังกร และทลายแหล่งเผยแพร่สื่อลามกเด็ก

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะ รองผอ.ศปอส.ตร. แถลงผลการจับกุมคดีอาชญากรรมสำคัญ รวม 4 คดี ประกอบไปด้วย

คดีที่ 1 จับกุมน.ส.วัชราพร พลสันต์ อายุ 25 ปี และน.ส.กรรณิการ์ พันธุ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จากกรณีผู้ต้องหาทั้ง 2 กับพวกอีก 1 ซึ่งทั้งหมดเป็นเน็ตไอดอลหน้าตาดี มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กจำนวนมาก จึงได้อาศัยช่องทางนี้เป็นช่องทางโฆษณาว่าสามารถระดมทุนเงินไปลงทุน แล้วได้ผลตอบแทนจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ถูกผู้ต้องหาโกง ไม่จ่ายผลตอบแทน ไม่คืนเงินที่ร่วมลงทุน ไม่สามารถติดต่อได้ โดยได้เริ่มก่อเหตุตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 มีผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 50 ล้านบาท โดยผู้เสียหายหลายรายถูกหลอกลวงสูญเงินหลายแสนบาท โดยกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดอุดรธานีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ทั้งหมด 3 ราย สามารถจับกุมได้ 2 ราย ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย ได้หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการประสานงานระหว่างประเทศในการดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบผตห.4คดีสำคัญ เน็ตไอดอลโกงแชร์-แอบอ้างอจ.หลอกจัดหางาน

คดีที่ 2 จับกุม จับกุม นายปริญญ์ โสภา ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวง ว่าสามารถจัดหางานในต่างประเทศ โดยได้โพสลงในเพจเฟซบุ๊ก “รับสมัครคนไปทำงานต่างประเทศ(ออสเตรเลีย)” โดยโพสต์ข้อความแจ้งรายละเอียดการไปทำงาน ตำแหน่งงานที่ประกาศจัดหางาน เช่น ตำแหน่งงานคนสวน, งานฟาร์ม, งานผู้ช่วยกุ๊ก, งานเกษตรกร เงินเดือน ๖๐,000 – 70,000 บาท โดยได้สร้างโปรไฟล์ ว่าตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขา Electronic Business จาก University of Tasmania ประเทศออสเตรเลีย และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ซึ่งทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการให้เป็นเงินคนละ 22,500 – 140,000 บาท ซึ่งต่อมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน นายปริญญ์ ได้บอกว่าเอกสารการขอวีซ่าไม่ผ่าน ไม่สามารถทำวีซ่าได้ ผู้เสียหายจึงได้ขอเงินคืน แต่นายปริญญ์ฯ บอกว่าจะขอทยอยคืนและขอผัดผ่อนเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงมั่นใจว่านายปริญญ์ฯ ได้หลอกเอาเงินไปอย่างแน่นอน ทราบว่ามีผู้ถูกหลอกลวง จำนวนกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 1,700,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวง / ฉ้อโกงประชาชน /ฐานเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ

สำหรับประชาชนที่จะสมัครงานต่างประเทศ ควร สมัครงานกับบริษัทจัดหางานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยขอดูจากใบอนุญาตจัดหางาน สอบถามเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานว่าบริษัทจัดหางานมีจริงหรือไม่/ อย่าจ่ายเงินค่าหัว จนกว่าจะทราบกำหนดการเดินทาง ไม่ควรจ่ายเงินค่าบริการ (ค่าหัว) เป็นเงินสด ให้จ่ายผ่านธนาคาร โดยขอคำแนะนำจากธนาคาร/เมื่อจ่ายเงินแล้ว ให้ขอใบเสร็จรับเงินจากบริษัทไว้เป็นหลักฐานทุกครั้งหลังจ่ายเงินแล้ว หนึ่งเดือนยังไม่ได้เดินทาง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานทันที และ ก่อนออกเดินทางไปทำงานต่างประเทศจะต้องผ่านการอบรมจากเจ้าหน้าที่ฟรี

คดีที่ 3 จับกุมผู้ต้องหาชาวจีนรวม 6 ราย ประกอบด้วย นางสาวลูไควเนียง (Miss LU KUAINENG) อายุ 27 ปี , นางสาวควินเจียงลิน (Miss QIN JIANGLIN) อายุ 21 ปี , นายหวังไลโบ (Mr.WANG LAIBO) อายุ 30 ปี /นายเหลาซิน (Mr.LUO XIN) อายุ 31 ปี , นายควินดาวยู (Mr.QIN DAOYU) อายุ 46 ปี , นายเรนฮีเฉิง (Mr.REN HECHENG) อายุ 29 ปี ทั้งหมดสัญชาติจีน การจับกถมสืบเนื่องจากทางศปอส.ตร. รับแจ้งว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติมีพฤติกรรมขอทานตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าเป็นกลุ่มแก๊งคนพิการชาวจีนได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมย่านสุทธิสาร จากนั้นช่วงเช้าจะแยกย้ายกันไปขอทานตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเย็นจะกลับเข้ามายังโรงแรมที่พัก และจะมีคนหนึ่งนำเหรียญที่ได้จากการขอทานไปแลกตามร้านสะดวกซื้อ แล้วนำเงินมาแบ่งกันที่โรงแรม จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้บริเวณสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต บริเวณสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า และบริเวณทางเท้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ พร้อมกระป๋อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ทำการขอทาน (ตาม มาตรา 13 พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559)” และ “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้าและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ระบุเชื่อว่าผู้ต้องหาทำกันเป็นขบวนการ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมกำชับตำรวจคนตรวจคนเข้าเมือง ให้เข้มงวด คัดกรองบุคคลเข้าประเทศ

คดีที่ 4 เป็นการแถลงผลการตรวจค้นแหล่งเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย กว่า 18 จุด รวม 12 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่, พะเยา, สิงห์บุรี, กาญจนบุรี, จังหวัดนนทบุรี, กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, นครราชสีมา, ชลบุรี และระยอง สามารถตรวจยึดวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 25 ชิ้น จับกุมผู้กระทำความผิด รวม 8 ราย พบไฟล์ภาพเป็นจำนวนมากกว่า 100 ไฟล์

ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TACTICS), กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือDSI,กรมการ, หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้มีการประชุมหารือและวางแนวทางการปฏิบัติการพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้รับทราบว่ากฎหมายคุ้มครองเด็ก ในมิติของการป้องกันการเผยแพร่สื่อลามกเด็กได้บังคับใช้ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วมีโทษจำคุก หากผู้ใดมีไว้ในความครอบครองสื่อลามกเด็กจะมีความผิดและถูกดำเนินคดี