พ่อค้ามาเลย์โอดมะพร้าวถูกจากไทยแย่งตลาด

พ่อค้ามาเลย์โอดมะพร้าวถูกจากไทยแย่งตลาด

มะพร้าวหลายล้านลูกในมาเลเซียถูกทิ้งคาสวนและในโกดัง ผู้บริโภคในมาเลเซียหันซื้อมะพร้าวนำเข้าจากเพื่อนบ้านเพราะราคาถูกกว่า

เวบไซต์ เดอะ สตาร์ ในมาเลเซีย รายงานว่าสถานการณ์นี้กำลังสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ผลิตและจำหน่าย เพราะพวกเขาต้องรเร่งเคลียร์สต็อกก่อนที่มะพร้าวจะเน่าเสีย หรือแตกหน่อ

นายเอ อันบาร์ราซัน พ่อค้ามะพร้าววัย 64 ปี กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจนี้ 27 ปี ยอดขายมะพร้าวปีนี้ตกฮวบกว่า 3 เท่า

“ปกติแล้ว ผมขายได้เฉลี่ยเดือนละ 3.5 แสนลูก เดี๋ยวนี้ ขายออกแค่ 1 แสน ถึง 1.2 แสนลูก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เดือนเมษายน ” พ่อค้าโอดครวญต่อว่า เฉพาะในรัฐเปรัก เขามีมะพร้าวยังไม่แกะกาบ 7 หมื่นลูกเก็บในโกดัง และอีกราว 3 แสนลูกแกะกาบออกแล้วในสวนที่บากัน ดาตุก

อันบาร์ราซัน ซึ่งมีร้านขายมะพร้าวสองแห่งบนเกาะปีนัง ประเมินว่าน่าจะยังมีมะพร้าวขายไม่ออกราว 2-3 ล้านลูกในมาเลเซีย เนื่องจากพ่อค้าหลายคนในรัฐอื่นๆของมาเลเซียก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุจากมะพร้าวจากอินโดนีเซียและไทยที่มีราคาถูกกว่าทะลักเข้ามา ทำให้ปริมาณสินค้าล้นตลาดในประเทศ

“สวนของเราปลูกมะพร้าวได้มากพอความต้องการผู้บริโภค แต่เพราะมะพร้าวปลูกในบ้าน คุณภาพดีกว่า ราคาย่อมแพงกว่า ผู้บริโภคแค่อยากได้มะพร้าวถูกกว่า”

ราคามะพร้าวในตลาดมาเลเซีย อยู่ระหว่าง 1.2 – 1.5 ริงกิต ( 9 - 11 บาท ) แต่มะพร้าวนำเข้าจากอินโดนีเซีย อาจราคาแค่ 80 เซนต์-1 ริงกิตเท่านั้น ( 6 -7.7 บาท ) หากนำเข้ามะพร้าวจากอินโดนีเซีย 1 ตัน หรือราว 1,000 ลูก ก็จะราคาแค่ 550 ริงกิต ( 4,270 บาท)

ด้านนางพี ซาราสวาที วัย 60 ปี ที่ช่วยสามีขายน้ำกะทิ กล่าวว่า น้ำกะทิมาเลเซีย หอมและมันกว่า น้ำกะทิท้องถิ่นขายกิโลกรัมละ 9 ริงกิต แต่กะทิจากอินโดนีเซีย ตกกิโลกรัมละ 5 ริงกิตเท่านั้นเพราะคุณภาพต่ำกว่า แต่โดยทั่วไป มะพร้าวจากอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่กว่า

สามีภรรยาคู่นี้เรียกร้องรัฐบาลให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และระงับการนำเข้ามะพร้าวจากเพื่อนบ้าน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ