'กฤษฎา' จี้ประมงส่งเรื่องปลากัดเสนอครม.

'กฤษฎา' จี้ประมงส่งเรื่องปลากัดเสนอครม.

"กฤษฎา" ดักคอคนโจมตีส่งเรื่องปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ล่าช้า ยันเรื่องยังอยู่กรมประมง ยังมาไม่ถึงรมว.เกษตรฯ จี้ปลัดเกษตรฯ-อธิบดีประมงรีบส่งเรื่อง

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.61 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้มอบนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ให้รีบดำเนินการเสนอเรื่อง ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ เพื่อนำเข้าครม.ด่วนที่สุด

"อย่าให้ผู้ใดมาเขียน FB กระแหนะกระแหน ว่าเรื่องมาช้าที่รมว.กษ." นายกฤษฎา กล่าว

มีรายงานข่าวว่า สำนักปลัดนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประมงเพื่อแจ้งผลการประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติมีข้อเสนอแนะประกอบการพิจารณาของครม. ทั้งมิติด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนาน จนกระทั่งวันที่ 3 กันยายน 2556 กระทรวงวัฒนธรรมประกาศขึ้นทะเบียน “ปลากัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม”

สำหรับมิติด้านความเป็นเจ้าของและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้น ปลากัดไทย ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า (Betta splendens) เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากลในชื่อ Siamese Fighting Fish หรือ Siamese Betta ซึ่งชื่อ Siamese เป็นสิ่งสะท้อนชัดเจนว่า ปลากัดไทยมีต้นกำเนิดจากประเทศไทย และเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ ดังนั้นจึงเห็นควรใช้เหตุผลนี้ ประกาศให้ “ปลากัดไทย” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

นอกจากนี้ ยังมีมิติด้านประโยชน์ใช้สอยซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยในหลายประการ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงและการสร้างนวัตกรรมด้านการเพาะพันธุ์ ซึ่งนำสู่การค้าเชิงพาณิชย์และก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล อีกทั้งสามารถนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์การประมงของไทยและสามารถนำไปใช้ประกอบสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสะท้อนถึงความเป็นไทยได้ (คล้ายกับปลาคาร์ฟที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์การประมงของญี่ปุ่น) รวมถึงนำไปใช้เจรจาต่อรองตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) เพื่อป้องกันชาวต่างชาตินำปลากัดไทยไปจนสิทธิบัตรได้อีกด้วย

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวถึงนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมงแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องทำเรื่องเสนอมายัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจึงส่งไปยังสำนักเลขาธิการครม. เพื่อบรรจุเข้าสู่​วาระการประชุมพิจารณาของครม.