นักวิจัยจุฬาฯ ค้นพบโมเลกุลที่จะเปิดประตูสู่การแก้ไขความชราของเซลล์ ลดอายุและเพิ่มความเสถียรของดีเอ็นเอ ตั้งชื่อว่า “มณีแดง” เล็งปี 2562 นำร่องทดสอบประสิทธิภาพการฟื้นฟูแผลภายนอกในหนูและสัตว์ใหญ่อย่างสุนัข หวังต่อยอดใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
พร้อมพิสูจน์ศักยภาพ “ต้านชรา” ในสัตว์ทดลองใน 5 ปี หวังเป็น “จอกศักดิ์สิทธิ์” ตอบเทรนด์เอจจิ้ง
ความบังเอิญจากความสนใจเฉพาะทางด้านดีเอ็นเอของมะเร็ง ทำให้ “ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร” อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าศึกษาวิจัยจนเชี่ยวชาญด้านอณูพันธุศาสตร์ และสภาวะเหนือพันธุกรรม โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง กระทั่งได้พบ REjuvenating DNA by GEnomic stability Molecules (RED-GEMs) หรือโมเลกุลมณีแดง
นวัตกรรมไม่กลัวแก่
ศ.นพ.อภิวัฒน์ อธิบายว่า ดีเอ็นเอของมะเร็งกับดีเอ็นเอของคนสูงอายุนั้น มีปัญหาเหมือนกันที่ความไม่เสถียรของดีเอ็นเอ โดยสภาวะไม่เสถียรในเซลล์ชราเกิดจากการลดลงของสภาวะเหนือพันธุกรรม ทำให้ดีเอ็นเอสะสมรอยโรคเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เซลล์ชะลอการทำงานและหยุดการการแบ่งตัว กลายเป็นเซลล์ชรา
ความบังเอิญจนเจอ “จอกศักดิ์สิทธิ์” ที่จะช่วยแก้แก่ เกิดจากการศึกษาสภาวะเหนือพันธุกรรม ที่ทีมผู้วิจัยได้ค้นพบสภาวะเหนือพันธุกรรมตัวใหม่ชื่อ “ไรน์อีดีเอสบี” มีลักษณะเป็นข้อต่อดีเอ็นเอที่มีปริมาณน้อยในเซลล์ชรา งานวิจัยนี้มีสมมติฐานว่า ข้อต่อนี้มีหน้าที่ปกป้องความเครียดของดีเอ็นเอไม่ให้มีรอยโรค
การลดลงของข้อต่อดีเอ็นเอเป็นกลไกสำคัญทำให้ดีเอ็นเอสะสมรอยโรคและทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในผู้สูงอายุ เช่น ความดันโลหิตสูง กระดูกผุ สมองเสื่อม และการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่มีประสิทธิภาพจากการสะสมรอยโรคของดีเอ็นเอ เช่น แผลของผู้ป่วยเบาหวานหรือแผลไฟไหม้ ที่มักหายยาก เป็นต้น
“ผลวิจัยบงชี้ว่า โมเลกุลมณีแดง หรือ RED-GEMs จะช่วยในการเพิ่มข้อต่อดีเอ็นเอ ลบรอยโรคของดีเอ็นเอ แก้ไขความชราของเซลล์ได้ การค้นพบดังกล่าวใช้เวลาถึง 6 ปีจึงจะได้รับการตีพิมพ์ และในปี 2561 ก็ได้รับรางวัลนักวิจัยแกนนำ 20 ล้านบาทจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่จะนำมาใช้พิสูจน์กลไกการทำงานของมณีแดง ซึ่งต้องมีการเซ็ทอัพการทดสอบที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงมีกฎระเบียบข้อบังคับมากมายต้องปฏิบัติตาม ทำให้กระบวนการทดสอบวิจัยต้องเตรียมการอย่างดี”
อย่างไรก็ตาม การใช้รักษาในคน ซึ่งต้องดูแลแทบจะทุกระบบในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับความชรา ไม่ว่าจะเป็น ตับ ไต สมอง กระดูก ฯลฯ จำเป็นต้องศึกษาระบบนำส่งยาไปยังอวัยวะเหล่านั้นทั่วร่างกาย รวมถึงการปลดปล่อยยาให้ละเอียด ต้องใช้เวลาวิจัยและทดสอบ จึงอยากจะผลักดันงานวิจัยให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้เร็วขึ้น จึงจะนำร่องที่การใช้เพื่อรักษาแผลเบาหวานหรือแผลไฟไหม้
ศ.นพ.อภิวัฒน์ วางแผนทำการทดลองใช้มณีแดงรักษาแผลในหนู เพื่อหาคำตอบความสามารถฟื้นฟูเซลล์ที่สึกหรอเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม และคาดว่า ปี 2562 จะเสร็จสิ้นการทดสอบในหนู และจะเริ่มทดสอบในสัตว์ใหญ่ คือ สุนัข ที่มีลักษณะการทำงานของอวัยวะต่างๆ ใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งหากมีทิศทางที่ดีคาดว่า ภายใน 5 ปีจะทดสอบใช้รักษาแผลในคน โดยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วิจัยไขปริศนาเซลล์มะเร็ง
องค์ความรู้ดังกล่าวเป็นการค้นพบที่อาจนำไปสู่ยาใหม่ ตอบเทรนด์การแพทย์และสุขภาพของโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ดังนั้น ยาต้านความชราจะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการต่อสู้กับความเจ็บป่วยที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์
งานวิจัยนี้อยู่ในโครงการ “การพัฒนานวัตกรรมใหม่ในทางการแพทย์ที่มีมูลค่าและคุณค่าสูง : ฟื้นฟูภาพดีเอ็นเอโดยโมเลกุลที่ทำให้จีโนมเสถียร และการตรวจกรองมะเร็งจากโปรตีนหรืออาร์เอ็นเอในเม็ดเลือดขาว” ที่นอกจากเรื่องของมณีแดง ยังรวมถึงการพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งจากโปรตีนหรืออาร์เอ็นเอในเม็ดเลือดขาว ที่จะมีความไวและจำเพาะสูงกว่าวิธีในปัจจุบัน
ทีมวิจัยค้นพบว่า เซลล์มะเร็งจะหลั่งสารที่ทำงานคล้ายฮอร์โมนทำให้เม็ดเลือดขาวจำนวนมากในกระแสโลหิตมีโปรตีนเปลี่ยนไป การตรวจหาโปรตีนเหล่านี้มีความจำเพาะและความไวสูง เช่น พบโปรตีนที่กำลังศึกษาในเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในความไวและความจำเพาะสูงถึง 95% การค้นพบนี้จะทำให้การตรวจคัดกรองมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต