ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ยัน 'กัญชา' ไม่รักษามะเร็ง

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ยัน 'กัญชา' ไม่รักษามะเร็ง

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ยัน "กัญชา" ไม่รักษามะเร็ง ไม่ช่วยฆ่า-ลดจำนวนเซลล์ร้าย ขณะที่ "สเต็มเซลล์" ช่วยผู้ป่วยมะเร็งเฉพาะระบบเลือดเสียจากรับเคมีบำบัด ตรงข้ามบางชนิดทำให้มะเร็งแพร่กระจายได้ ระบุคลินิกโฆษณาฉีดสเต็มเซลล์ 90%ของปลอม คนฉีดเสี่ยงอันตรายถึงต

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.16 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แถลงข่าว "แนวทางการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคมะเร็งและบทบาทของกัญชากับมะเร็ง" โดยรศ.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ อดีตนายกสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยและหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคมะเร็งครบวงจร รพ.จุฬาลงกรณี กล่าวว่า การนำกัญชามารักษามะเร็ง โดยรักษาที่ตัวโรคมะเร็งนั้น ยืนยันว่ามีการทดลองในห้องปฏิบัติการ แต่ไม่มีหลักฐานการเอามาใช้ในคนจริง ไม่มีหลักฐานว่าสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งหรือทำให้เซลล์มะเร็งในคนลดน้อยลง จึงไม่มีผลในการรักษามะเร็งแต่อย่างใด แต่สำหรับการใช้เกี่ยวกับโรคมะเร็งนั้นมีการเอามาใช้ลดอาการข้างเคียงจากเคมีบำบัด ลดอาเจียนได้ แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้แตกต่างจากยาที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน ในทางกลับกันทำให้เกิดการเสพติดเมื่อเลิกใช้ยังทำให้ผู้ใช้มีอาการอยากยา ปัญหาคือตอนนี้มีการพูดถึงกันมากจนผู้ป่วยโรคมะเร็งไปหากัญชามาใช้ ซึ่งตนมีคนไข้หลายคนที่ญาติต้องนำมาพบแพทย์ด้วยอาการซึม ไม่รู้สึกตัว เพราะใช้น้ำมันกัญชาหยดโดยไม่มีความรู้ว่าต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ บางคนบอกว่าใช้เพื่อลดความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ช่วย จะไม่รู้สึกเจ็บเพียงแค่ตอนหลับเท่านั้น ก้อนมะเร็งไม่ยุบ ไม่หาย พอได้รับการรักษามาตรฐานก็กลับมาใช้ชีวิตได้ ไม่ต้องหลับๆ ตื่นๆ เพราะฤทธิกัญชา

"ปัจจุบันหลายประเทศมีการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์มาก ประเทศไทยก็อยู่ระหว่างแก้กฎหมายและมีองค์การเภสัชกรรม(อภ.)ได้ทำการพัฒนาอยู่ อย่างไรก็ตามหากเอามาใช้สำหรับการรักษาโรคระบบประสาทอาจจะได้ผล แต่ในส่วนโรตมะเร็ง ถ้าเอาน้ำมันกัญชามาให้แพทย์มะเร็งใช้ส่วนตัวก็คงไม่ใช้และเชื่อว่าแพทย์จำนวนมากก็จะไม่ใช้ เพราะไม่คุ้นเคย แต่ยาเดิมรู้ว่าใช้อย่างไร ปรับสูตรอย่างไร หากจะให้ใช้น้ำมันกัญชาคิดว่าต้องศึกษามากกว่านี้ ไม่ใช่บอกว่าปลดล็อกกฎหมายแล้วใช้เลย และมองว่าเรื่องการแก้กฎหมายเอากัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้น ควรเป็นลักษณะการคลายล็อก ใช้และควบคุมโดยอภ. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เหมือนมอร์ฟีน หากปล่อยให้ใช้มากไม่แน่ใจว่าเมืองไทยจะสามารถควบคุมได้แค่ไหน" รศ.นพ.วิโรจน์ กล่าว

ผศ.นพ.นิพัญจน์ อิศรเสนา ณ อยุธยา หัวหน้าศูนย์สเต็มเซลล์และเซลล์บำบัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสเต็มเซลล์กับการรักษาโรคมะเร็งว่า การนำสเต็มเซลล์มาใช้ในโรคมะเร็งที่เป็นที่ยอมรับ เป็นการใช้สเต็มเซลล์เลือดปลูกสร้างระบบเลือดให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดจนระบบเลือดเสียไป ไม่ใช่ใช้สเต็มเซลล์ไปฆ่ามะเร็งโดยตรง ในทางตรงข้ามสเต็มเซลล์บางชนิดเป็นเซลล์พี่เลี้ยงที่ดี ทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ป่วยโดยไม่เกิดประโยชน์ หรือแม้แต่ในหลอดทดลองก็ไม่เคยพบว่าสเต็มเซลล์มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ สเต็มเซลล์แต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน สเต็มเซลล์จะมีน้อยมากในแต่ละระบบของร่างกาย อยู่ในที่เฉพาะและทำหน้าที่สร้างเซลล์เฉพาะ เช่น สเต็มเซลล์ในไขกระดูก ก็จะสร้างเลือด ไม่สามารถสร้างเซลล์สมองได้ เป็นต้น

"พูดได้เลยว่าคลินิกหรือสถานที่ต่างๆในเมืองไทยที่มีการโฆษณาว่ามีฉีดสเต็มเซลล์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แพทยสภารับรองการใช้สเต็มเซลล์เฉพาะการรักษาในระบบเลือดเท่านั้น หากมีใช้ในแง่อื่นถือว่าหลอกลวงทั้งสิ้น แต่ที่นำมาใช้อ้างว่าเป็นสเต็มเซลล์ บอกเลยว่า 90%ปลอม ไม่รู้ว่านำอะไรมาฉีดให้นอกจากนี้ จากการที่ผมได้นำครีมที่อ้างมีสเต็มเซลล์เพื่อความงามต่างๆ มาส่องดู ไม่พบเซลล์สักตัว แต่กลับมีโปรตีนบางตัวที่อันตราย บางรายอาจถึงตาย รวมถึง มีสารกดภูมิคุ้มกัน ที่ฉีดแล้วอาจทำให้กระปรี้กระเปร่าแต่เป็นสารก่อมะเร็ง หรือมียาสเตียรอยด์ ฉีดปล้วมีผลเสียต่ออวัยวะในร่างกานเสื่อม เพราะฉะนั้นการฉีดสเต็มเซลล์แบบที่ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ ไม่ควรเชื่อ ไม่ได้ประโยชน์และเสียเงินมากสูญเปล่า" ผศ.นพ.นิพัญจน์กล่าว

ด้านศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในรอบปีที่ผ่านมากระแสทางสังคม เรื่องของการนำเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ และการนำกัญชามาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีหลายหน่วยงานนำเรื่องราวและงานวิจัยที่ถูกต้องทั้งในประเทศและต่างประเทศมาใช้ประโยชน์อ้างอิง ดังนั้นร าชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงต้องการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและเข้าใจ สามารถวิเคราะห์ถึงความถูกต้องกับปลที่หากนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน