SSP - ซื้อ

SSP - ซื้อ

คาดกำไรสุทธิ 4Q61 เติบโตสูงจากปีก่อนและปรับคาดการณ์กำไรปี 61 ลดลง 5%

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • กำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 118 ลบ. ลดลง 22%QoQ แต่เติบโต 119%YoY: รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 118 ลบ. ลดลง 22%QoQ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าไตรมาสอื่น อีกทั้งมีการหยุดการจ่ายไฟชั่วคราวของโรงไฟฟ้าฮิดากะในประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากประสบเหตุแผ่นดินไหว ทำให้มีการตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราว ส่งผลให้โรงไฟฟ้าไม่มีรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิยังเติบโต 119%YoY ตามรายได้รวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นราว 34%YoY สู่ 293 ลบ. จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ที่ COD ในปีนี้ได้แก่ โครงการฮิดากะ(1Q61, 52 MW) โครงการโซเอ็น(3Q61,
    8 MW)และโครงการโซลาร์รูฟท๊อป 3โครงการได้แก่ SNNP1 SNNP2 (1Q61, รวม 4 MW) และ DoHome (3Q61, 3 MW) ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 35%YoY สู่ 46 ลบ. เนื่องจากบริษัทมีการปรับนโยบายทางบัญชี  ทำให้ไม่มีการบันทึก Unrealized FX gain/loss เข้ามา สำหรับกำไรสุทธิงวด 9M61 อยู่ที่ 378 ลบ. คิดเป็น 68% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 555 ลบ.
  • คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q61 ราว 153 ลบ. เติบโต 29%QoQ และ 111%YoY และปรับคาดการณ์กำไรปี 61 ลดลง 5% : คาดกำไรสุทธิ 4Q61 อยู่ที่ราว 153 ลบ. เติบโต 29%QoQ หลังผ่านช่วง Low Season ในไตรมาส 3 และคาดโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นจะสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามคาดกำไรสุทธิจะสามารถเติบโตได้ถึง 111%YoY จากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่ปี 61 รวม 6 โครงการได้แก่ โครงการฮิดากะ โครงการโซเอ็น โครงการโซลาร์รูฟท๊อป 3 โครงการและล่าสุดคือโครงการโซลาร์ อผศ.(4Q61, 5 MW) ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 30 พ.ย. อย่างไรก็ตามเราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ลดลง 5% สู่ 531 ลบ. ที่ยังเห็นการเติบโต 56%YoY เนื่องจากโครงการโซลาร์ที่มองโกเลียอาจเปิดดำเนินการไม่ทันในช่วง 4Q61 แต่ยังคงแผนเปิดได้ตามกำหนดการเดิมคือช่วง 1Q62
  • ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 62 เพิ่มขึ้น 6% โดยรวมโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนามที่มีความชัดเจนแล้ว : เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 62 เพิ่มขึ้น 6% สู่ 728 ลบ. เติบโต 37%YoY เมื่อเทียบกับปี 61 โดยรวมผลการดำเนินงานจากโครงการ Binh Nguyen Solar Power Plant หลังจากมีความชัดเจนเรื่องสัญญาการจ่ายไฟกับรัฐบาลเวียดนาม โดยโครงการมีกำลังการผลิตติดตั้ง 49.61 MW รับซื้อค่าไฟแบบ FiT(Feed-in-Tariff) 0935 USD/KWh มีสัญญาการจ่ายไฟเป็นระยะเวลา 20 ปี คาดจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดภายใน 2Q62  ซึ่งหากโครงการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดจะถูกปรับลดอัตราค่าไฟลง
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 11.60 บาท: เราประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธี DCF ใช้สมมติฐาน WACC 3.4% และTerminal Growth = 0 ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 11.20 บาท สู่ 11.60 บาท คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ราว 0% และมี Upside ราว 52% จากราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

1. บริษัทสามารถหาโอกาสการลงทุนได้เพิ่มเติม
2. โรงไฟฟ้าสามารถ COD ได้ก่อนกำหนด

ความเสี่ยง

1. แสงอาทิตย์อาจมีความเข้มแสงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

2. แผงโซลาร์เซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คาด