ศาลยกฟ้อง 'สันธนะ' ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนง. ลั่นฟ้องกลับ3นายพลตร.

ศาลยกฟ้อง 'สันธนะ' ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนง. ลั่นฟ้องกลับ3นายพลตร.

ศาลแขวงดอนเมือง พิพากษายกฟ้อง "สันธนะ" คดีขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เตรียมฟ้องกลับแก๊ง 3 นายพลตำรวจ พร้อมพวกรวม 18 ราย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ธ.ค.2561 ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีต่อสู้ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจพ.ต.ท. อายุ 59 ปี อดีตรองผกก.สันติบาล ประธานที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่

กรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2561 นายสันธนะโดนคดีได้ขัดขวาง ดูหมิ่น เจ้าหน้าที่ฯ ในการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง นายสันธนะซึ่งได้รับการประกันตัว ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา

นายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า กระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กำกับโดยแก๊ง 3 นายพลตำรวจนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ข้อพิรุธในศาล ศาลท่านให้ความเมตตาตนในการสู้คดีเต็มที่ ตนพกความมั่นใจมา 99% คดีวันนี้ข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คำว่าตามหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย การกล่าวหาตนโดยให้ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง เป็นผู้กล่าวหานั้น ถ้าตนผิดจริงไม่ต้องให้ พล.ต.ต.นราเดช กล่าวหาคนเดียว ตำรวจทั้ง สตช. กล่าวหาได้เลย

นายสันธนะ กล่าวด้วยว่า ตนเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือตนจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมาย ตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองตนไม่ดี แต่ถ้าตนถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน เพราะขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ตนก็จะสู้ต่อไปตามกระบวนการ

ทั้งนี้ ไม่ได้สู้ด้วยปากเปล่า มีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีข้อพิรุธที่ตนชี้ให้เห็นว่าบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบ เอามาส่งศาลเป็นเอกสารเท็จ หลังพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ตนต้องโทษจำคุก วันพฤหัสบดีหน้า (27 ธ.ค.) ตนจะไปฟ้อง 18 จำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

โดยศาลพิเคราะพยานหลักฐานโจทก์นำสืบมีประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือไม่ เห็นว่าเเม้การกระทำของ จำเลยจะเป็นการเเสดงกริยาท่าทางพร้อมเเสดงหนังสือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ออกสถานที่ เเต่เมื่อพิจารณาเหตุว่าจำเลยมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าของพื้นที่ เเละผู้บริหารพัฒนาบริษัทใหม่ดอนเมืองได้โทรเเจ้งจำเลยเเละบอกกล่าวให้จำเลยไปดำเนินการบอกกล่าวให้ตำรวจออกไปจากพื้นที่การทีจำเลยเเสดงอาการท่าทาง พร้อมชี้นิ้วเเม้จะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายออกจากพื้นที่ ก็เเต่จำเลยก็ไม่ได้มีการเเสดงท่าทางอื่นที่เป็นการข่มขู่คุกคาม ตรงนี้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน

ส่วนประเด็นที่ว่า เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาลท่านเห็นว่า การดูหมิ่น จะต้องเป็นคำพูดลักษณะที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายการ ที่จำเลยใช้เสียงดังพร้อมชี้นิ้วที่หน้าอก เเม้มีการเเสดงท่าทางประกอบ เป็นเพียงกริยาที่ไม่สุภาพเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการเหยียดหยามเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง